กังวลเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเชิงรุก
ตลาดหุ้นวานนี้…SET Index ปิดที่ 1,634.27 จุด ลดลง 18.45 จุด (-1.12%) มูลค่าการซื้อขาย 67,192.18 ล้านบาท นักลงทุนผิดหวังผลงานบริษัทจดทะเบียนปี 65 ออกมาต่ำกว่าคาด โดยเฉพาะ CPALL
แนวโน้มตลาดวันนี้… รับปัจจัยลบหลัง ก.พาณิชย์ สหรัฐฯ รายงาน ดัชนี PCE ม.ค. ดีดตัวขึ้น 5.4%YoY สูงกว่าตลาดคาดที่ 4.5% สะท้อนความกังวลว่าเฟดจะยังคงต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีกนาน ซึ่งใน FedWatch tool คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 3 ครั้ง ไปสู่ระดับ 5.25-5.50% และจะคงที่ระดับนี้ตลอดทั้งปี 65 ส่งผลต่อ Dollar index ที่ปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 105 จุด และ US bond yield ที่ดีดตัวขึ้นกดดันให้ fund flow ไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากอานิสงส์ตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง และการที่สหรัฐไม่มีปัญหาด้านงบดุล เหมือนในช่วงก่อนที่จะเกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินโลกครั้งที่แล้ว ขณะที่ประเด็นสงคราม รัสเซีย-ยูเครน เริ่มเห็นทิศทางที่เป็นบวก หลังทั้งรัสเซียและยูเครนต่างก็รับข้อเสนอของจีนเป็นคนกลางในการยุติสงครามในครั้งนี้ ซึ่งมีประเด็นที่ต้องจับตา อย่างการถอนทหารรัสเซียออกจากยูเครน และการกำหนดพื้นที่ของยูเครนบางส่วน (การผนวกแคว้นโดเนตสก์ ลูฮันสก์ เคอร์ซอน และซาปอริซเซีย รวมทั้งคาบสมุทรไครเมีย) เข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย แต่ทั้งนี้กลุ่มพลังงานจะเป็นกลุ่มที่น่าสนใจ หลังราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้น หลังรัสเซียประกาศว่าจะปรับลดการผลิตน้ำมัน 500,00 บาร์เรลต่อวันในเดือนมี.ค. สําหรับปัจจัยในประเทศ กังวลเรื่อง Fund flow ไหลออก หลังตามค่าเงินบาทที่อยู่ในแนวโน้มอ่อนค่าลุ้นแตะระดับ 35 บาท/ดอลลาร์ สรอ. โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิไปแล้ว 3.7 หมื่นล้านบาท MTD และเปิดสถานะ Short กว่า 1.2 แสนสัญญา MTD ในเชิงกลยุทธ์เรามองว่าให้ผ่านช่วงที่มีความคาดหวังผลประกอบการของ บจ. ไปก่อน ในช่วงปลาย 1Q มองว่าเป็น จังหวะที่ดีของการเข้าสะสม โดยเฉพาะกลุ่มท่องเที่ยว การเปิดประเทศ และธีม election rally
สัปดาห์นี้ติดตาม… Manufacturing PMI (ก.พ.) จีน คาดหดตัวต่ำกว่าระดับ 50, CPI ก.พ. EU คาดขยายตัว 9% YoY เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 8.6% ส่วนในประเทศเข้าสู่โค้งสุดท้ายของการประกาศงบ 4Q65-การทยอยประกาศจ่ายปันผล และตัวเลขเศรษฐกิจไทยรายเดือนจาก ธปท.
กลยุทธ์การลงทุน… ประเมิน SET Index แกว่งตัว sideway แนะนำ Trading ในกรอบ 1630-1645 หากหลุด 1630 ยังคงโมเมนตัมขาลง แต่ทั้งนี้เรามองว่ากลุ่มพลังงานจะหนุนตลาด เราชอบ PTTEP PTTGC TOP IRPC กลุ่มธนาคาร-การเงินที่ downside risk จำกัด เราชอบ SCB KBANK KKP MTC กลุ่มเดินเรือตามค่า BDI ปรับตัวขึ้น PSL RCL ITA
เคาะไป คุยไป….MTC
- MTC รายงานทําไรสุทธิปี 65 เท่ากับ 5.09 พันล้านบาท +3%YoY ใกล้เคียงกับที่เราคาด โดยรายได้ขยายตัวกว่า 25.3%YoY ที่ 2.0 หมื่นล้านบาท ตามสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น 31.4%YoY ที่ 1.2 แสนล้านบาท จากการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้นเป็น 6,668 สาขา (+15%YoY) และสินเชื่อต่อสาขาที่ปรับขึ้นเป็น 18 ล้านบาท ด้าน NPL ปรับขึ้นแรงกว่า 174.8% ส่งผลให้ NPLs ratio เพิ่มขึ้น 2.9% ซึ่งมากกว่าที่ตลาดคาดราว 2.5%+/- ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ราคาปรับตัวลงต่อเนื่องจาก ความกังวลคุณภาพสินทรัพย์ และการตั้งสำรองที่สูงขึ้น 225.3% YoY อยู่ที่ 2.4 พันล้านบาท คิดเป็น credit cost ที่ 2.66% นอกจากนี้ยังจ่ายปันผล 0.95 บาท/หุ้น คิดเป็น Div. yield ที่ 2.7% ชิ้น XD 27 เม.ย.
- ด้านแนวโน้มปี 66 ผู้บริหารตั้งเป้าสินเชื่อขยายตัว 20% ที่ 1.4-1.5 แสนล้านบาท กลับมาควบคุมคุณภาพลูกหนี้เพิ่มมากขึ้น แม้ว่าภาพรวมของเศรษฐกิจกะกลับมาดีก็ตาม แต่ยังมีความเสี่ยงในเรื่องความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้บางรายที่อาจจะไม่มีความพร้อมในการกลับมาชำระคืนหนี้ในทันที ทำให้ทิศทางของ NPL ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และคาดว่าจะทำจุดสูงสุดในช่วง 2Q66 ที่ระดับ 3% ขณะที่ตั้งเป้าไว้ไม่เกิน 3.5% ด้านต้นทุนทางการเงินยังคงปรับขึ้นได้มาที่ 3.6-3.8% จากปี 65 ที่ 3.3% ขณะที่มีแผนขยายสาขาอีก 600 สาขาในปีนี้ ไปสู่ระดับ 7,200 สาขา ซึ่งเราเชื่อว่าจะยังเกิดประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุนหลังสินเชื่อต่อสาขายังปรับเพิ่มขึ้นได้ ในเชิง sentiment ราคาตอบรับปัจจัยลบด้านคุณภาพสินทรัพย์มาพอสมควรแล้ว
Global Markets
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดร่วงลงจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเชิงรุกมากขึ้น หลังจากการเปิดเผยดัชนี PCE ที่พุ่งขึ้นเกินคาด
(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบเนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกว่าธนาคารกลางต่างๆ จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาด
(+) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดบวกได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่ารัสเซียจะปรับลดการผลิตและการส่งออกน้ำมันในเดือนหน้า
(-) สัญญาทองคำตลาด COMEX ปิดลบ ถูกกดดันจากการแข็งค่าของคอลลาร์ และการดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ หลังดัชนี PCE ที่พุ่งชื้นเกินคาด