บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):
Bangkok Commercial Asset Management (BAM.BK/BAM TB)*
ขาดความทะเยอทะยานที่จะโต
Event
ประชุมนักวิเคราะห์ และอัพเดตแนวโน้ม, ปรับลดประมาณการกำไร และปรับลดคำแนะนำ
Impact
ไม่เร่งซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ และไม่เร่ง cash collection
เรามองว่า BAM อัตราการทำกำไรที่ต่ำลงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้เป็นปัจจัยระยะสั้น แต่เป็นอัตรากำไรที่จะเป็นแบบนี้ในระยะยาว เนื่อจากแผนธุรกิจที่เน้นขายหนี้เสียที่ซื้อมาให้กับลูกค้ารายย่อย ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการขาย ในขณะที่การขายเป็นสินทรัพย์ชิ้นใหญ่ และได้กำไรสูงมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อย ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าหมาย 5 ปี โดยจะมีแผนการเติบโตกระแสเงินสดจากการเก็บหนี้ปีละ 5% จาก 1.7 หมื่นล้านบาทในปี 2565 เป็น 1.78 หมื่นล้านบาทในปี 2566 และ 1.85 หมื่นล้านบาทในปี 2567 นอกจากนี้ ทั้งนี้ในช่วงสองปีที่ผ่านมาอัตราส่วนกำไรสุทธิ/กระเงินสดจากการเก็บหนี้ (cash collection) ทรงตัวอยู่ที่ 16.2% (ลดลงจาก 30-40% ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา)
จะเร่งเพิ่มสินเชื่อ TDR เพื่อเพิ่มรายได้ประเภท recurring
บริษัทเผยว่าที่การเก็บรายได้จากลูกหนี้ (cash collection) ได้ต่ำกว่าคาดในปี 2565 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะไม่ สามารถปรับโครงสร้าง NPL เป็น TDR ตามแผน โดยในปัจจุบันเจรจากับลูกหนี้ NPL ที่ซื้อมาเพื่อให้สามารถกลับมาจ่ายหนี้แบบสม่ำเสมอ ซึ่งทำให้บริษัทมีการแปลงหนี้ NPL เป็น TDR โดยสัดส่วนการแปลงหนี้ส่วนนี้ทำให้ได้เพียง 10% ของพอร์ตรวมหนี้ทั้งหมด ซึ่งบริษัทตั้งเป้าจะแปลง NPL ส่วนใหญ่เป็น TDR เพื่อที่จะมีรายได้ดอกเบี้ยแบบต่อเนื่อง (recurring) แผนส่วนนี้ดูไม่ค่อยชัดเจน และไม่มีกรอบเวลาในการบรรลุเป้าหมายที่แน่นอน
ขาดความทะเยอทะยานที่จะโต
เรามองว่าอัตรากำไรที่ต่ำของ BAM ซึ่งยิ่งต่ำลงเรื่อยๆ ในช่วงสองปีที่ผ่านมาไม่ได้เป็นเพียงการสะดุดช่วงสั้นระหว่างที่ COVID ระบาดเท่านั้น แต่สะท้อนถึงความไม่ทะเยอทะยานของบริษัท เพราะในฐานะที่เป็นผู้เล่นรายใหญ่และเป็นผู้นำตลาดในธุรกิจ AMC สำหรับการบริหารหนี้ปลอดหลักประกัน บริษัทกลับไม่ได้มีความได้เปรียบในการแข่งขันของธุรกิจ AMC เลย ในขณะที่แผนจัดตั้ง JV เพื่อขยายธุรกิจผิดไปจากที่วางไว้
ปรับลดประมาณการกำไรปี 2566F/2567F ลง 18%/25% เหลือ 18.80 บาท (จาก 23.50 บาท)
เราปรับลดประมาณการลงเพื่อสะท้อนถึงสมมติฐานกระเงินสดจากการเก็บหนี้ (cash collection) ที่ลดลงปีละ 5% และมาร์จิ้นที่ลดลง ซึ่งส่งผลให้สัดส่วนกำไรสุทธิ/cash collection ในปี 2566/2567 อยู่ที่ 17.2%/18% ซึ่งเมื่อใช้ PE ที่ 20x ทำให้ได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 18.80 บาท จากเดิมที่ 23.50 บาท เราปรับลดคําแนะนําจากซื้อเป็นถือ
Risks
cash collection และมาร์จิ้นต่ำกว่าที่วางแผนเอาไว้