ฟื้นบ้าง ในวันที่เริ่มคลายกังวล 1,620-1,640
มุมมองตลาดหุ้นวันนี้
- คาด SET แกว่งตัวอิงทางบวก: ตลาดได้รับ Sentiment ทางบวกจากฝั่งสหรัฐฯ หลังการเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐฯ ดิ่งลงมากกว่าคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้เฟดผ่อนคันเร่งในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หนุนตลาดให้ฟื้นตัวได้บ้าง หลังก่อนหน้านี้ปรับตัวลงท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปของเฟด ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 2 ปี ร่วงลงสู่ระดับต่ำกว่า 4.8% คาดเป็นปัจจัยหนุนต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเช่นกัน นอกจากนี้คาดตลาดได้แรงหนุนจากแรงเก็งกำไรในหุ้นที่จะเข้า MSCI ที่จะมีการปรับน้ำหนักในวันนี้ ได้แก่ AURA, BANPU, BTG, ONEE, SNNP, THCOM ขณะที่การรายงานศก.และการเงินรายเดือนม.ค.ของ ธปท.ในวันนี้ คาดสะท้อนภาพการฟื้นตัวของศก.ไทย และเป็นอีกปัจจัยหนุนต่อตลาด อย่างไรก็ดี คาดตลาดฟื้นตัวได้อย่างจํากัด โดยยังคงถูกกดดันจากแรงขายของต่างชาติ สอดรับกับทิศทางหลักของค่าเงินบาทที่ยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางอ่อนค่า โดยอ่อนค่าใกล้ระดับ 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งนี้เดือนก.พ.ต่างชาติขายสุทธิสะสมแล้วกว่า 4 หมื่นลบ. ขณะที่วันพรุ่งนี้ติดตามการรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนเดือนก.พ. โดยตลาดคาดยืนเหนือระดับ 50 ทั้งนี้หากการรายงานตัวเลขออกมายืนเหนือระดับ 50 คาดเป็น Sentiment ทางบวกต่อตลาดทั้งภูมิภาค
- กลยุทธ์ลงทุน: 1) เงินบาทอ่อนค่า: HANA, SAPPE, STA 2) Defensive+Dividend: EKH, SAT, TISCO 3) โค้งสุดท้ายงบ 4Q65: AMATA, CRC, ORI, SIRI และ 4) ศก.ไทยพื้น+ม.รัฐ: BBL, BJC, BRI, CENTEL, ERW, ICHI, OSP, PRM, SAWAD
ปัจจัยบวก
- สศค.เผยดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตศก.ภูมิภาคเดือนก.พ.66 อยู่ในระดับสูงทุกภูมิภาค โดยเฉพาะภาคตะวันออก ภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางที่ดัชนีฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากปัจจัยสนับสนุนในภาคบริการเป็นสำคัญ
- สหรัฐฯ เผยยอดยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนดิ่งลง 4.5% m-m ในเดือนพ.ค. ขณะที่ตลาดคาดลดลงเพียง 4.0% m-m หลังจากเพิ่มขึ้น 5.1% m-m ในเดือนธ.ค.
- ดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทําเนียบเครมลินเผยรัสเซียขานรับข้อเสนอของจีนในการยุติความขัดแย้งในยูเครน โดย ข้อตกลงดังกล่าวสมควรได้รับการพิจารณาในรายละเอียด
- BCG เผยผลสํารวจพบว่าภาคธุรกิจในอังกฤษมากกว่า 60% มีมุมมองในเชิงบวกเกี่ยวกับการเติบโตทางศก.ของประเทศในระยะกลาง รวมถึงรายได้ของบริษัทในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
ปัจจัยลบ
- JPMorgan คาด BoJ มีความจำเป็นต้องควบคุมเงินเฟ้อที่ร้อนแรง โดยคาดเตรียมขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25 bps ในเดือน มิ.ย.
- สถาบัน IW เผยความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนมีผลต่อศก.ระดับโลกเป็นอย่างสูง โดยบรรดาบริษัททั่วโลกเผชิญแรงกดดันจากปัญหาอุปทานพลังงานและวัตถุดิบ ขณะชาติตะวันตกรับผลกระทบเป็นพิเศษเพราะสูญเสีย การผลิตระดับโลกถึง 2 ใน 3
PICKS OF THE DAY
SAPPE – BUY
- เป้าหมาย 7.80/8.00 แนวรับ 7.40/7.50
- คาดกำไร 4Q65 ฟื้นตัวแรง y-y: คาดกำไรสุทธิ 4Q65 +202.2% y-y แม้ -11.6% q-q จากฤดูกาล อย่างไรก็ตามดีขึ้นมาก y-y จากยอดขาย +25.2% y-y จากส่งออกที่ฟื้นตัว ชดเชยในประเทศที่ติดลบ ทำให้ GPM อยู่ที่ 40.1% แม้ย่อตัว y-y แต่ดีขึ้น q-q และ SG&A/Sales ลดลงมาก y-y แม้เพิ่มขึ้น q-q ด้านส่วนแบ่งกำไร บ.ร่วมขาดทุนลดลง y-y ใกล้เคียงไตรมาสก่อน
- Sentiment บวกจากเงินบาทอ่อน: คาดได้อานิสงส์บวกจากเงินบาทที่กลับมาอ่อนค่าปัจจุบันที่ 35.11 บาทต่อดอลล่าร์ โดย SAPPE มีสัดส่วนยอดส่งออกมากอยู่ที่ 70-80% จากตลาดตปท.ที่ฟื้นตัวดีต่อเนื่อง
PRM – BUY
- เป้าหมาย 52.25/53.50 แนวรับ 49.75/50.50
- 1Q66 การดำเนินปกติยังดีต่อเนื่อง: หลังจากประกาศงบ 4Q65 ที่มีกำไรปกติ 600 ลบ. ทำให้เห็นแนวโน้มใน 1Q66 การดำเนินงานยังดีต่อเนื่อง จากปี 1Q65 ที่มีกำไร (ไม่รวม Fx) ที่ 268 ลบ. เพราะธุรกิจยังคงมีการดำเนินงานเช่นเดียวกับ 4Q65 ส่วนหนึ่งมาจากสัญญาที่มีอยู่
- ปี 2566 ยังคงฟื้นตัวดี: ธุรกิจยังฟื้นตัวต่อเนื่อง จากการรับรู้รายได้เต็มปีของเรือที่รับในปี 2565 และเรือเข้าอู่ลดลงเหลือ 15 ลำ จากปีก่อนที่ 31 ลำอีกทั้ง ค่าบริการ, ปริมาณการขนส่ง และ U Rate สูงขึ้น หนุนรายได้และกำไร โดยมี upside จากแผนการซื้อเรือใหม่ในปีนี้ เพื่อขยายไปในธุรกิจขนส่งปิโตรเคมีและ FSU