บล.ทรีนีตี้:
สิงห์ เอสเตท – S
ซื้อเก็งกำไร, ราคาเป้าหมาย 2.40 บาท, Upside/Downside +22%, Median Consensus – บาท
เน้นโครงการแนวราบระดับบน ตอบโจทย์ลูกค้าด้านโรงแรมโตกว่า Pre-COVID
- รายงานกำไรสุทธิ 4Q65 ที่ 411 ล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้นจากกำไร 44 ล้านบาทใน 3Q65 และจากกำไรสุทธิ 100 ล้านบาทใน 4Q64 โดยมีรายได้รวมที่ 4.04 พันล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 49.5% QoQ และ 55.6% YoY
- รายงานกำไรสุทธิปี 2565 ที่ 490 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนสุทธิที่ 137 ล้านบาทในปี 2564 และสูงกว่าที่เราคาดการณ์กำไรสุทธิที่ 353 ล้านบาท โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 1.25 หมื่นล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 62% YoY
- คาดกำไรปี 2566 ที่ 1.25 พันล้านบาท จากรายได้ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องของทุกกลุ่มธุรกิจ
- ยังคงแนะนำ “Trading Buy” ราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 2.40 บาท
4Q65 Earnings Review
- S รายงานกำไรสุทธิใน 4Q65 ที่ 411 ล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้นจากกำไร 44 ล้านบาทใน 3Q65 และจากกำไรสุทธิ 100 ล้านบาทใน 4Q64 โดยมีรายได้รวมที่ 4.04 พันล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 49.5% QoQ และ 55.6% YoY
- ใน 4Q65 มีรายได้จากกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ 1.13 พันล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 108% YoY จากการเริ่มโอนโครงการ Siraninn
- รายได้จากกลุ่มโรงแรมและอาคารสำนักงานอยู่ที่ 2.9 พันล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 7% QoQ และ 41.6% YoY โดนรายได้จากกลุ่มโรงแรมอยู่ที่ 2.57 พันล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 47% YoY จากการฟื้นตัวที่ดีขึ้นของทุกกลุ่มโรงแรม โดยเฉพาะการฟื้นตัวของโรงแรมในไทยและ Maldives ที่เป็นช่วง Peak Season และรายได้จากกลุ่มค่าเช่าอาคารสำนักงานที่ 247 ล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 4% YoY จากการเริ่มเปิดให้บริการ S Oasis
- รายงานกำไรสุทธิปี 2565 ที่ 490 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนสุทธิที่ 137 ล้านบาทในปี 2564 และสูงกว่าที่เราคาดการณ์กำไรสุทธิที่ 353 ล้านบาท โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 1.25 หมื่นล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 62% YoY
- สัดส่วนรายได้จากกลุ่มโรงแรมอยู่ที่ 8.69 พันล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 93% YoY จากการฟื้นตัวของทุกกลุ่มโรงแรมที่เริ่มมี RevPar ปรับตัวสูงกว่าระดับ Pre-COVID และมีรายได้จากกลุ่มค่าเช่าอาคารสำนักงานที่ 1.01 พันล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 5%YoY จากการปรับค่าเช่าเพิ่ม และการเริ่มรับรู้รายไดจากโครงการ S Oasis
- อัตราการเช่าของกลุ่มสำนักงานในปี 2565 อยู่ที่เฉลี่ย 86%
คาดปี 2566 สามรถเติบโตได้ในทุกกลุ่มธุรกิจ
คาดกำไรปี 2566 ที่ 1.25 พันล้านบาท จากรายได้รวมที่ 1.22 หมื่นล้านบาท จากการเติบโตของรายได้กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่จะโอนโครงการ Santiburi Residences และ Siranin ต่อเนื่อง และการเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่ โดยโครงการของ S เป็นโครงการระดับบนที่มี Demand สูง และส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าเงินสด พร้อมทั้งรายได้จากกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ที่เราคาดว่าปี 2566 จะเริ่มมีรายได้จากการขายที่สูงขึ้นจากปี 2565 ที่ 198 ล้านบาท ในขณะที่รายได้จากกลุ่มโรงแรม เราคาดว่าจะสามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง หลังจากช่วง 4Q65 สามารถมี RevPar และ ADR สูงกว่าช่วง Pre-COVID ยังคงแนะนำ “Trading Buy” ราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 2.40 บาท
ยังคงแนะนำ “Trading Buy” ที่ราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 2.40 บาท
ด้วยวิธี SOTP จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ 0.62 บาท อิง P/E ที่ระดับเดิมที่ 8X และธุรกิจกลุ่ม Recurring Income ที่ 1,78 บาท อิง EV/EBITDA ที่ 15X หลังจากที่เริ่มเห็นการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวทั่วโลกที่เร็วกว่าคาด ด้านกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ คาดว่าในปี 2566 จะมีสัดส่วนหลักมาจากโครงการ Santiburi Residences และ Siraninn และการเริ่มขายโครงการแนวราบ 2 โครงการใหม่ 5 ประกาศจ่ายเงินปันผล 0.02 บาท/ หุ้น XD วันที่ 10 มี.ค. 2566