บล.ฟิลลิป:
สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง – SPRC
คาด GRM ยังคงแข็งแกร่ง
Key Point
ส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูป และน้ำมันดิบที่ยังคงอยู่ในระดับสูงจากอุปสงค์ที่ฟื้นตัว และ crude premium ที่อ่อนตัวลงจากช่วงสิ้นปี 2565 ประกอบกับคาดว่าตลาดน้ำมันสำเร็จรูปยังคงมีความตึงตัว ซึ่งจะช่วยหนุนให้ GRM ยังคงอยู่ในระดับสูง ขณะที่ SPM มีความคืบหน้ามากขึ้นทั้งในด้านของการกลับมาดำเนินงาน และในส่วนของเงินประกัน ทางฝ่ายยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐาน 12.30 บาท
ส่วนต่างราคาน้ำมันที่ยังคงแข็งแกร่งหนุน GRM
คาดผลการดำเนินงานปี 2566 อยู่ที่ 6,394 ลบ กลับสู่ภาวะปกติมากขึ้น ขณะที่แนวโน้ม GRM ใน 1H66 ยังคงแข็งแกร่ง เนื่องจากส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันสำเร็จรูป และน้ำมันดิบที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะ Gasoline-Dubai QTD อยู่ที่ราว 18 ดอลลาร์/bbl ปรับตัวสูงขึ้นจาก 9.4 ดอลลาร์/bbl ในช่วง 4Q65 ซึ่งจะส่งผลต่อ GRM ของ SPRC ค่อนข้างมากเนื่องจาก SPRC มีสัดส่วนการผลิตน้ำมันเบนซินอยู่ที่ 25%-29% ของกำลังการผลิต และน้ำมันอากาศยาน (Jet) ที่มีแรงหนุนจากอุปสงค์ที่ฟื้นตัวมากขึ้นจากการกลับมาเปิดประเทศของจีน ซึ่งในปัจจุบันอุปสงค์ของน้ำมันอากาศยานยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปี 2562 (Pre-COVID) ประกอบกับ crude premium QTD อยู่ที่ประมาณ 4.96 ดอลลาร์/bbl ลดลงจาก 6.99 ดอลลาร์/bbl ใน 4Q65
คาดตลาดน้ำมันยังคงมีความตึงตัว
ทางฝ่ายคาดว่าตลาดน้ำมันสำเร็จรูปยังคงมีความตึงตัว เนื่องจากในช่วง 1H66 เป็นช่วงที่โรงกลั่นทั่วโลก และในภูมิภาคปิดซ่อมบำรุงกันค่อนข้างมาก และปริมาณสต๊อกน้ำมันสำเร็จรูป ณ สิ้นปี 2565 อยู่ในระดับต่ำโดยเฉพาะน้ำมันดีเซล นอกจากนี้การยกเลิกการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียของยุโยป ประกอบกับการลดกำลังการผลิต 500 KBD และลดปริมาณการส่งออกไปยังประเทศฝั่งตะวันตกลง 25% (คิดเป็น 625 KBD) ของรัสเซีย ทำให้คาดว่าอุปทานน้ำมันจะหายไปบางส่วน
เริ่มมีความหวังในการกลับมาดำเนินงานของ SPM
ปัจจุบัน SPM อยู่ระหว่างการซ่อมบำรุง เนื่องจากพึ่งได้รับใบอนุญาตในการซ่อมบำรุงในช่วงต้นเดือน ก.พ. 2566 และหาก SPM กลับมาดำเนินงานได้ตามปกติจะส่งผลให้ต้นทุนค่าขนส่งของ SPRC ในปัจจุบันลดลงประมาณ 1-2 ดอลลาร์/bbl เนื่องจากจะไม่ต้องเสีย ship to ship cost และในส่วนของเงินประกันมีการตกลงกันเรียบร้อยแล้วในส่วนของ marine cargo แต่ปัจจุบันจำนวนเงินดังกล่าวยังไม่ได้มีนัยต่อผลการดำเนินงาน
ทางฝ่ายปรับราคาพื้นฐานปี 2566 มาอยู่ที่ 12.30 บาท
ทางฝ่ายปรับราคาพื้นฐานปี 2566 มาอยู่ที่ 12.30 บาท อ้างอิง PBV 1.25x (ค่าเฉลี่ย 5 ปี) ซึ่งปัจจุบันราคาหุ้นซื้อ-ขายอยู่ที่ระดับใกล้เคียงกับ PBV-0.5SD และทางฝ่ายยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” เนื่องจากผลการดำเนินงานที่ยังมีแรงหนุนจากปัจจัยข้างต้น และ SPRC ได้ประกาศจ่ายเงินปันผล สำหรับผลการดำเนินงาน 2H65 อยู่ที่ 0.15 บาท (ทั้งปี 1.11 บาท) คิดเป็น dividend yield อยู่ที่ราว 1.36%
ความเสี่ยง
1.ความสามารถในการแข่งขันของโรงกลั่นน้ำมันและความเป็นอยู่ของธุรกิจในระยะยาว
2.การหยุดชะงักอย่างมีนัยสำคัญในการดำเนินงาน
3.ความเสี่ยงในการซื้อขายกฎหมายและข้อบังคับเกี่ยวกับข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมหรือข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์