Our View? “ไม่ได้แย่อะไร”

คาดตลาดวันนี้ “Sideway” คาดยังได้รับ Sentiment ลบ จากความกังวลว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นเวลาที่นานขึ้นจากความคาดหมายก่อนหน้า หลังสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟด (Fed Fund Futures) ล่าสุด บ่งชี้การคาดการณ์ของนักลงทุนว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนมี.ค. (21-22) ทำให้คาดอัตราดอกเบี้ยสูงสุดของเฟดจะอยู่ที่ 5.4% ภายในเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ 4.75% ขณะเดียวกันมีการคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนใกล้แตะระดับ 6% เช่นเดียวกับธนาคารกลางยุโรป (ECB) คาดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนมี.ค. สู่ระดับ 3% และคาดวะแตะระดับสูงสุดที่ 4% ในเดือนก.ค.

พร้อมติดตามการแข็งค่าของเงินสหรัฐ ล่าสุด Dollar Index เคลื่อนไหวระดับ 104.8+/- หลังก่อนหน้าพยายามขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 105.35+/- รวมถึงอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (US Bond Yield) อายุ 10 ปี ที่เคลื่อนไหวใกล้ระดับ 4.00% ซึ่งท่าให้บริษัทต่างๆ ต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ และอาจส่งผลต่อการจ่ายเงินปันผล ทําให้ตลาดหุ้นลดความน่าสนใจลง

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. +1.37 ดอลลาร์ (1.81%) ปิดที่ 77.05 ดอลลาร์/บาร์เรล จากคาดการณ์การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งเป็นประเทศที่นำเข้าน้ำมันมากที่สุดในโลก จะเป็นปัจจัยหนุนความต้องการใช้น้ำมัน โดยสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดความต้องการใช้น้ำมันในประเทศจีนจะเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 900,000 บาร์เรล/วันในปีนี้ คาดอาจมีแรงเก็งก่าไรระยะสั้นกลับเข้ามาบ้างในกลุ่มพลังงาน เช่น PTTEP

สำหรับปัจจัยในประเทศ เรายังคงมีความกังวลต่อทิศทางกระแสเงินทุนต่างชาติที่ขายสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่อง ตามการกลับมาอ่อนค่าของค่าเงินบาท ล่าสุดขึ้นท่าจุดสูงสุดใหม่บริเวณ 35.30 บาท+1 – โดยในเดือน ก.พ. นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยไปกว่า 4.3 หมื่นล้านบาท ขณะที่แนะนำาระวังแรงขายทำกำไร (Sell on Fact) หลัง รายงานผลประกอบการ 4Q′65 ซึ่งส่วนใหญ่ออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาด

อย่างไรก็ตาม เราเริ่มเห็นการกลับมาปรับขึ้นคาดการณ์ EPS ของตลาดหุ้นไทยในปี’66 จากก่อนหน้าที่มี การปรับลดคาดการณ์กำไรของตลาดลงอยู่เพียง 900 บาท+/- เริ่มเร่งขึ้นกลับไปที่ระดับ 104.8 บาท คาดจะสามารถลดทอนแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติหลังจากนี้ได้บ้าง

เรายังคงแนะนําทยอยซื้อสะสมหุ้นในบางกลุ่มที่ถึงแม้ผลประกอบการออกมาแย่กว่าคาด แต่มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นได้ต่อในปีนี้ อาทิ (1) หุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า เช่น GPSC, BGRIM และ GULF (2) หุ้นในกลุ่มธนาคาร เช่น KBANK, BBL และ SCB และ (3) กลุ่มปิโตรเคมี เช่น SCC, PTTGC และ IVL เรามองราคาอ่อนตัวลงรับรู้การรายงานผล ประกอบการ 4Q′65 ไปบ้างแล้วในระดับหนึ่ง รวมทั้งสัปดาห์นี้แนะนำติดตามการรายงานตัวเลขส่งออกของไทย เดือน ม.ค. คาดมีโอกาสที่อาจจะเป็นภาพการฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ดีมากขึ้นตามการเปิดประเทศของจีน มองเป็น จิตวิทยาเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (KCE, HANA และ SVI)

ธีมการลงทุน “Selective Play

หุ้นแนะนำวันนี้ “STEC”

คาดผลการดำเนินงานในปี’66 เริ่มกลับเข้าระดับปกติ โดยคาดรายได้งานก่อสร้างอยู่ที่ 33,787 ล้านบาท เติบโต ต่อเนื่อง 1% และคาด Gross Profit Margin เฉลี่ย 5% (เป้าหมายของ STEC เฉลี่ย 5-7%) หลังงานที่มี Margin ต่ำจบลง และคาดกำไรสุทธิ (จากการดำเนินงานปกติ) 1,042 ล้านบาท โดดเด่นจากปี’65 ประเมินราคาเป้าหมาย ที่ 15.30 บาท อิง PBV 1.2 เท่า

- Advertisement -