STECH ประกาศปี 65 All Time High รายได้อยู่ที่ 2,125.48 ลบ. โต 37.97% จ่ายปันผลหุ้นละ 0.026 บาท ตอบแทนผู้ถือหุ้น ปี 66 ชูกลยุทธ์บริหารต้นทุนที่ยั่งยืน
“บมจ.สยามเทคนิคคอนกรีต หรือ STECH” หนึ่งในผู้นำธุรกิจคอนกรีตอัดแรงรายใหญ่ เผยผลงานปี 65 มีกำไรสุทธิ 100.78 ลบ.โต 6.57% รายได้รวมอยู่ที่ 2,125.48 ลบ. โต 37.97% จากปีก่อน โดยสัดส่วนรายได้หลักมาจากธุรกิจสินค้าและบริการด้านคอนกรีตอัดแรง ประกาศจ่ายปันผลผู้ถือหุ้น 0.026 บาท/หุ้น พร้อมตั้งเป้าเดินหน้ารับอุตสาหกรรมก่อสร้างคึกคัก เมกะโปรเจกต์จ่อเปิดประมูลอีกเพียบ หนุนโอกาส STECH ผู้นำคอนกรีตอัดแรง แผนปี 66 เน้นบริหารจัดการต้นทุน เพื่อการเติบโตของกำไรที่ยั่งยืนในอนาคต
นายวัฒน์ชัย มงคลศรีสวัสดิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามเทคนิคคอนกรีตจำกัด (มหาชน) หรือ STECH เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทปี 2565 บันทึกสถิติสูงสุดใหม่นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ มีรายได้รวม 2,125.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 584.97 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 37.97% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยสัดส่วนรายได้หลักมาจากธุรกิจสินค้าและบริการด้านคอนกรีตอัดแรง95% ส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง
มีกำไรสุทธิ 100.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.21 ล้านบาท หรือ 6.57% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากการที่บริษัทฯ มุ่งเน้นทำการขายและการตลาดที่เพิ่มขึ้น และการส่งมอบผลิตภัณฑ์และงานโครงการในปริมาณค่อนข้างสูงทั้งงานภาครัฐและเอกชน ทำให้สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้มากกว่าร้อยละ 15.50 ของรายได้จากการขายและบริการ
และเพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติการจ่ายเงินปันผลจากกำไรสุทธิจากผลการดำเนินงานประจำปี 2565 เป็นเงินสดให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตรา 0.026 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 18,850,000 บาท กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 15 มีนาคม 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นภายในวันที่ 19 พฤษภาคม 2566
นายเจษฎ์กรณ์ มงคลศรีสวัสดิ กรรมการผู้จัดการสายงานการตลาดและขาย บริษัท สยามเทคนิคคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ STECH กล่าวเพิ่มเติมว่า STECH มีจุดแข็งเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดคอนกรีตอัดแรง มีโรงงาน 10 แห่ง กระจายอยู่ครอบคลุมภูมิภาคสำคัญของประเทศ มีกำลังการผลิตคอนกรีตอัดแรงรวมอยู่ที่ประมาณ 430,000 คิวต่อปี เป็นโอกาสการเติบโตในอนาคต และเน้นเรื่องการบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ เพื่อการเติบโตของกำไรที่ยั่งยืนในอนาคต
ทางด้านความคืบหน้าโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตลวดเหล็ก ซึ่งมีมูลค่าโครงการราว 500 ล้านบาท ที่ดำเนินการผ่านบริษัทย่อยของ STECH คือ บริษัท สยามสตีลไวร์ จำกัด ประเภทธุรกิจ ผลิตและจำหน่ายลวดเหล็ก ปัจจุบันกำลังดำเนินการก่อสร้างโรงงาน และสั่งเครื่องจักรที่ทันสมัยที่สุด จากประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างยิ่ง คาดว่าจะเริ่มการรับรู้รายได้จากธุรกิจใหม่ได้ในช่วงไตรมาส 3/2566 ซึ่งสินค้าใหม่ราว 30% จะใช้ในงานของบริษัท และที่เหลือดำเนินการขายให้กับลูกค้าส่วนต่างๆ อีกทางหนึ่ง เพื่อเข้าสู่การสร้าง New S-Curve ในธุรกิจใหม่ และการบริหารต้นทุนได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เนื่องจากต้นทุนค่าลวดนับเป็นประมาณ 20-30% ของต้นทุนการผลิต และจะกลายเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต สร้างฐานกำไรให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น