บล.ทรีนีตี้:
เซ็นทรัล รีเทล คอร์เปอเรชั่น – CRC
ซื้อ ราคาเป้าหมาย 52 บาท, Upside/Downside +16%, Median Consensus 50 บาท
งบ 4Q65 ออกมาดีกว่าที่เราและตลาดคาด มองไตรมาส 1 โตต่อ
- คงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยให้ราคาเป้าหมายปี 66 ที่ 52 บาท (อิง PE เฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 32 เท่า)
- บริษัทประกาศกำไรไตรมาส 4 ที่ 3,311 ล้านบาท +39.7% YoY, +182% QoQ โตจากการฟื้นตัวของกลุ่ม Fashion ซึ่งมีอัตรากำไรขึ้นต้นสูงกว่ากลุ่มอื่น ทำให้ gross margin โดยรวมปรับตัวขึ้นจาก 26.9% ในปี 64 เป็น 29.3% ด้าน SSSG +9% YoY (ไทย +5% YoY, เวียดนาม +16% YoY, อิตาลี +23% YoY)
- กำไรปี 65 อยู่ที่ 7,175 ล้านบาท +11974% YoY สูงกว่าที่เราคาด 11% และสูงกว่าที่ตลาดคาด 15% มาจากการเติบโตของรายได้ขาย 20.4% โดยกลุ่ม Fashion โต 29.6% YoY, Hardline โต 14.6% YoY และ Food โต 20.1% YoY
- ผู้บริหารตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายในปี 2023 ที่ 12-15% พื้นที่ให้เช่าและการบริการโต 18-20% จากการขยายสาขาและการกลับมาของนักท่องเที่ยว โดยการเติบโตหลักจะเป็นการเติบโตในประเทศ แบ่งเป็นการเติบโตของกลุ่ม Fashion 14-16%, Hardline 13-15% และ Food 10-12%
Earning Preview
บริษัทประกาศกำไรไตรมาส 4 ที่ 3,311 ล้านบาท +39.7% YoY, + 182% QoQ
1) รายไดขายโต 11% YoY แบ่งเป็น SSSG ของ Food 17%, ของ Hardline -8% และ Fashion 14% โดย SSSG ของ Hardline ติดลบเนื่องจากปีที่แล้วมีฐานที่สูงจาก pent-up demand หลังเวียดนามคลายล็อกดาวน์ รวมถึงใน 4Q65 ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม
2) gross margin โดยรวมปรับตัวขึ้นจาก 26.9% ใน 4Q64 เป็น 29.3% ในปี 4Q65 จากการฟื้นตัวของธุรกิจ Fashion ซึ่งมีอัตรากำไรขึ้นต้นสูงกว่าธุรกิจอื่น ด้าน SSSG +9% YoY (ไทย +5% YoY, เวียดนาม +16% YoY, อิตาลี +23% YoY) 3) SG&A +13.8% YoY, +8.3% QoQ เพิ่มขึ้น YoY จากค่าไฟ (+30% YoY), คา การตลาด (+26% YoY) และคาพนักงาน (+16% YoY)
2565 Earning Review
กำไรปี 65 อยู่ที่ 7,175 ล้านบาท +11974% YoY สูงกว่าที่เราคาด 11% และสูงกว่าที่ตลาดคาด 15% มาจากการเติบโตของรายได้ขาย 20.4% โดยกลุ่ม Fashion โต 29.6% YoY, Hardline โต 14.6% YoY และ Food โต 20.1% YoY
2566 Outlook
ผู้บริหารตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายในปี 2566 ที่ 12-15% พื้นที่ให้เช่าและการบริการโต 18-20% จากการขยายสาขาและการกลับมาของนักท่องเที่ยว โดยการเติบโตหลักจะเป็นการเติบโตในประเทศ แบ่งเป็นการเติบโตของกลุ่ม Fashion 14-16%, Hardline 13-15% และ Food 10-12% นอกจากนี้บริษัทวางแผนคุม SG&A ให้อยู่ต่ำกว่า 28% และเพิ่ม Gross margin ผานการลดตนทุนจาก discount และ promotion (Fashion + 30-50bps, Hardline +30-50bps, Food + 10-20bps)
ความเสี่ยง: ความเสี่ยงจากกำลังซื้อชะลอตัว, ค่าไฟสูงกว่าคาด, โควิดระลอกใหม่
CAPEX ปี 2566 จะอยู่ที่ 25,000-28,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในประเทศ 75% เวียดนาม 23% และ อิตาลี 7%
1) บริษัทมีแผนขยายห้างสรรพสินค้า 2 แห่ง (Robinson Chaofah Phuket เปิดตัวช่วง 3Q66 และ Centra; Westville เปิดตัวช่วง 4Q66) ไทวัสดุ 10 แห่ง, Tops 15 แห่ง, 1 Robinson lifestyle 1 แห่ง และ GO! Malls 5-7 แห่ง
2) Stores renovation (Central Chidlom, Central Pinklao, Central Rama9, Mega Bangna) โดยเฉพาะ Central Chidlom ที่จะเปลี่ยนเป็น luxury department store อันดับหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
3) การขยายแบรนดสินค้ามากกวา 1,000 แบรนด์
5 Year Outlook
บริษัทตั้งเป้าที่จะเป็นที่ 1 ในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยวางแผนการเติบโตในปี 2566 – 2571 ดังนี้ 1) ตั้งเป้ายอดขายโต 2.5 เท่า 2) ตั้งเป้า EBIDA โต 3.5 เท่า 3) ตั้งเป้า Market cap โต 2.5 เท่า โดยบริษัทจะใช้ CAPEX ทั้งหมด 150,000 ล้านบาท โดยงบลงทุนทั้งหมดมาจาก cash flows ของบริษัท และคาดว่า Sales mixed ในอีก 5 ปีจะแบ่งเป็น Food 47%, Hardline 33% และ Fashion 20%