บล.ทรีนีตี้:
บมจ. บลูเวนเจอร์กรุ๊ป – BVG
ถือ ราคาเป้าหมาย 5.70 บาท, Upside/Downside -20%, Median Consensus – บาท
กําไร 4Q65 อ่อนตัวจากค่าใช้จ่าย One-off
- กำไร 2565 อยู่ที่ 55 ล้านบาท เติบโต 10% YoY ใกล้เคียงกับที่คาดไว้ก่อนหน้า
- ส่วนกำไร 4Q65 อยู่ที่ 9 ล้านบาท ลดลง 51%QoQ แต่ยังโต 32%YoY เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่เป็น One-off จากการนำบริษัทเข้าตลาด และค่าใช้จ่ายตามฤดูกาลที่เกี่ยวข้องกับพนักงาน
- รายได้รวมเติบโต 1%QoQ และ 15%YoY ซึ่งเป็นการฟื้นตัวต่อเนื่อง จากการใช้บริการระบบของกลุ่มบริษัทที่เพิ่มขึ้นภายหลังการเปิดเมือง
- คาดกำไรปี 66-67 จะเติบโตเฉลี่ย 36%YoY โดยได้ปัจจัยหนุนจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และการขยายธุรกิจ
- เตรียมเข้าลงทุนใน JV ดำเนินธุรกิจในกัมพูชา ซึ่งหากมีรายละเอียดที่มากขึ้น อาจมีการปรับประมาณการอีกครั้งหนึ่ง
- ราคาหุ้นปัจจุบันเต็มมูลค่าจากราคาเป้าหมายที่ให้ไว้ที่ 5.70 บาท
กำไร 4Q65 อ่อนตัวจากค่าใช้จ่าย One-off
BVG ประกาศกำไรสำหรับปี 2565 ที่ 55 ล้านบาท เติบโต 10% YoY ใกล้เคียงกับที่คาดไว้ก่อนหน้า (เดิมคาดไว้ที่ราว 57 ล้านบาท) โดยกำไรงวด 4Q65 อยู่ที่ 9 ล้านบาท ลดลง 51%QoQ แต่ยังโต 32% YoY ทั้งนี้เนื่องจากใน 4Q65 มีการรับรู้ค่าใช้จ่าย One-off จากการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดฯ และมีค่าใช้จ่ายตามฤดูกาลที่เกี่ยวข้องกับพนักงานรวม 10.5 ล้านบาท โดยในด้านรายได้ดีขึ้น 1%QoQ และ 15%YoY จากจำนวนการใช้บริการระบบของกลุ่มบริษัทที่เพิ่มสูงขึ้นหลังการเปิดเมือง ขณะที่ต้นทุนการให้บริการเพิ่มขึ้น 12%QoQ และ 22%YoY จากค่าใช้จ่ายตามฤดูกาลที่เกี่ยวข้องกับพนักงาน ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 11%QoQ และลดลง 3%YoY โดยเป็นการเพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดฯ
เตรียมขยายธุรกิจเข้ากัมพูชา
เราคาดกำไรปี 2566-2567 จะเติบโตได้เฉลี่ยปีละ 36%YoY โดยได้ปัจจัยหนุนหลักจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการเดินทางที่ฟื้นตัว ซึ่งจะส่งผลให้จำนวนการใช้บริการระบบ EMCS เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่กลยุทธ์การขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่ม Self-insured จะทำให้รายได้จากระบบ TPA สูงขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีความคืบหน้าในการขยายธุรกิจไปยังกัมพูชา โดยบริษัทได้มีมติเข้าร่วมลงทุนสัดส่วน 49% ใน CambodiaRe Bluventure (JV) ซึ่งคาดว่าจะ จัดตั้งแล้วเสร็จในเดือน มี.ค. 2566 โดยใช้เงินที่ได้จาก IPO ในการลงทุน โดยคาดว่าจะช่วยหนุนรายได้และกำไรของบริษัทในอนาคต ซึ่งหากมีรายละเอียดเกี่ยวกับเป้าหมายทางการเงินต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ JV ใหม่ มีโอกาสที่เราจะปรับประมาณการกำไรอีกครั้งหนึ่ง
ยังไม่มี Upside ภายใต้ประมาณการปัจจุบัน
เราคงราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 5.70 บาท อิง PER 34 เท่า โดยหากอิงอัตราการเติบโตอัตราการเติบโตของกำไรเฉลี่ยปีละ 36% จะได้ PEG ที่ 0.94 เท่า ทำให้ราคาหุ้นอาจยังไม่มี Upside จากราคาปัจจุบัน จึงแนะนำเพียง “ถือ” อย่างไรก็ตาม หากมีปัจจัยที่ส่งผลบวกต่อการเติบโต เราอาจมีการปรับประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายในอนาคต
ความเสี่ยง: การชะลอตัวของเศรษฐกิจ / ความสำเร็จในการลงทุนในระบบ AI