บล.บัวหลวง:
Central Retail Corporation (CRC TB /CRC.BK)
CRC – กำไรมากกว่าตลาดคาด
เป็นไปตามที่เราคาด แต่มากกว่าตลาดคาด 16%
CRC รายงานทําไรหลักที่ 2,685 ล้านบาทในไตรมาส 4/65 เพิ่มขึ้น 13% YoY และ 108% QoQ กำไรหลักเป็นไปตามที่เราคาด แต่มากกว่าตลาดคาด 16% อ้างอิงจาก Bloomberg ที่ 2,310 ล้านบาท เมื่อรวมรายการพิเศษ (ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน กำไรจากการขายสินทรัพย์ และการกลับรายการตั้งสํารองฯ) กำไรสุทธิอยู่ที่ 3,312 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% YoY และ 182% QoQ กําไรหลักปี 2565 อยู่ที่ 6,929 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมากจากกำไร 59 ล้านบาทในปี 2564
ประเด็นสำคัญจากผลประกอบการ
รายได้จากยอดขายสินค้าอยู่ที่ 57,885 ล้านบาท เติบโต 10% YoY และ 11% QoQ การเติบโตของยอดขายต่อสาขาเดิมโดยรวมในไตรมาส 4/65 อยู่ที่ 9% โดยสุรกิจอาหารรายงานการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมที่แข็งแกร่ง 17% หนุนโดย Go! เวียดนาม (การเติบโตของยอดขายสาขาเดิมอยู่ที่ 31% ไนโตรมาส 4/65) สุรกิจแฟชั่นรายงานการเดินโตของยอดขายต่อสาขาเดิมในโตรมาส ที่ 14% (การเติบโตของยอดขายสาขาเดิมอยู่ที่ 10% ในไทย และ 23% ในอิตาลี) ธุรกิจฮาร์ดไลน์รายงานยอดขายต่อสาขาเดิมลดลงที่ 8% (ยอดขายสาขาเดิมลดลง 6% ในไทย และ 17% ในเวียดนาม) รายได้ค่าเช่าอยู่ที่ 1,782 ล้านบาทในไตรมาส 4/65 เพิ่มขึ้น 23% YoY และ 6% QoQ (รายได้ค่าเช่าเติบโต 21% YoY ในไทย และ 45% ในเวียดนาม)
CRC รายงานอัตราท่าไรขั้นต้นธุรกิจค้าปลีกที่ 26% (เทียบกับ 25.6% ในไตร บาส 4/64 และ 25.8% ในไตรมาส 3/65 และอัตราทําไรขั้นต้นธุรกิจเช่าพื้นที่อยู่ที่ 67.5% (เทียบกับ 67.4% ในไตรมาส 4/64 และ 68.1% ในไตรมาส 3/65) แม้ EBITDA มาร์จิ้นของธุรกิจแฟชั่นและธุรกิจฮาร์ดไลน์ลดลง YoY แต่ EBITDA มารับของธุรกิจอาหารฟื้นตัวแข็งแกร่ง (จาก 6.2% ไนโตรมาส 4/65 มาอยู่ที่ 8.7% ในไตรมาส 4/65) ส่งผลให้ EBITDA มาร์จิ้นโดยรวมปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 14.5% ในไตรมาส 4/65 จาก 14.4% ในไตรมาส 4/64 ค่าใช้จ่ายร้านค้าใหม่และค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น YoY ส่งผลให้ EBITDA มาร์จิ้นลดลง YoY สำหรับธุรกิจแฟชั่นและธุรกิจฮาร์ดไลน์ในไตรมาส 4/65
แนวโน้ม
“ช้อปช่วยชาติ” จะกระตุ้นการใช้จ่ายร้านค้าในช่วงเดือนม.ค.และ ก.พ. 2556 ดังนั้นเราจึงคาดว่า CRC จะรายงานกำไรเติบโต YoY ในไตรมาส 1/66 อย่างไรก็ตาม ปัจจัยฤดูกาลและตนทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจะส่งผล ให้กำไรมีแนวโน้มลดลง QoQ
สิ่งที่เปลี่ยนแปลง
เรายังคงประมาณการกำไรปี 2566 และราคาเป้าหมายด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) ณ สิ้นปี 2566 ที่ 52 บาท ดังเดิม
คําแนะนํา
แม้ CRC จะชื้อขายที่ PER ที่สูงกว่ากลุ่ม [PER ในปี 2566 ที่ 31.7 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 27.5 เท่า) เรามองว่าการฟื้นตัวของกำไรที่แข็งแกร่ง โอกาสในอัพไซด์เซอรไพรส์ (จากการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทย ยุโรป และเวียดนาม) และแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งในระยะกลางถึงระยะยาว ทำให้ได้ premium valuation จากตลาด