Our View? “ร้ายบ้างดีบ้าง”

คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,618 /1,610 และแนวต้านที่บริเวณ 1,625 / 1,630 เรามองตลาดยังคงขาดปัจจัยใหม่ๆ เข้าสนับสนุนการฟื้นตัวขึ้น โดยปัจจัยหลักยังคงให้น้ำหนักเกี่ยวกับความกังวลการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อต่างๆ ของสหรัฐยังคงอยู่ในระดับสูง ขณะที่เมื่อวานนี้ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐเดือน ก.พ. โดย ISM ออกมาอยู่ที่ระดับ 47.7 ฟื้นตัวขึ้นจากเดือน ม.ค.ที่ระดับ 47.4 บ่งชี้ภาคการผลิตสหรัฐเริ่มฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง เปิดทางให้ FED มีโอกาสเร่งขึ้นดอกเบี้ยได้ต่อ สอดคล้องกับประธาน FED สาขามินเนอาโพลิสออกมาแสดงความคิดเห็นว่า FED ควรปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25-0.50% ในการประชุม FOMC เดือน มี.ค. นี้ ขณะที่ CME FED Watch Tools บ่งชี้ว่าปัจจุบัน ตลาดคาดการณ์ FED จะขึ้นดอกเบี้ยสูงสุดขึ้นไปสู่ระดับ 5.50-5.75% ในเดือน ก.ย. มากกว่าที่ตลาดและ Dot-plot ของ FED คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า มองจะเป็นปัจจัยหนุนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (US Bond Yield) ปรับตัวขึ้นได้อีกครั้ง โดยเฉพารุ่นอายุ 10 ปี ขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่เหนือระดับ 4.00% คาดเป็นปัจจัยจำกัด Upside ของตลาดได้อยู่

อย่างไรก็ดี เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการที่เมื่อวานนี้สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือน ก.พ. ออกมาอยู่ที่ระดับ 52.6 ดีดตัวขึ้นจากระดับ 50.1 ในเดือน ม.ค. บ่งชี้ภาคการผลิตของจีนฟื้นตัวค่อนข้างไวจากการกลับมาเปิดประเทศของจีนในช่วงต้นปี คาดจะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ได้บ้าง (KCE, HANA และ SVI)

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน พ.ค. เมื่อคืนนี้ยังคงพยายามฟื้นตัวขึ้นปิดที่ระดับ 77.69 ดอลลาร์/บาร์เรล +0.64 ดอลลาร์ (+0.83%) ได้รับแรงหนุนจากการเปิดเผยตัวเลข PMI ภาคการผลิตของจีนเช่นกันกระตุ้นความคาดหวังอุปสงค์น้ำมันในจีนจะเริ่มฟื้นตัวขึ้น หนุนทิศทางราคาน้ำมัน-หุ้นในกลุ่มพลังงานฟื้นตัวกลับขึ้นได้บ้างเล็กน้อย

สําหรับปัจจัยในประเทศ เรายังคงมีความกังวลต่อทิศทางกระแสเงินทุนต่างชาติที่ขายสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่อง ตามกลับมาอ่อนค่าของค่าเงินบาทที่ล่าสุดขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่บริเวณ 35.40 บาท+/- ก่อนจะย่อตัวลงบ้าง ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 34.70 บาท/ดอลลาร์ +/- รวมทั้งการรายงานผลประกอบการ 4Q65 ของตลาดหุ้นไทยที่ส่วนใหญ่ออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาดไว้ คาดจะเป็นปัจจัยหลักกดดันทิศทางตลาดหุ้นไทยได้อยู่ อย่างไรก็ตาม เราเริ่มเห็นการกลับมาปรับขึ้นคาดการณ์ EPS ของตลาดหุ้นไทยในปี’66 จากก่อนหน้าที่มีการปรับลดคาดการณ์กำไรของตลาดลงอยู่เพียง 90.0 บาท +/– เริ่มเร่งขึ้นกลับไปที่ระดับ 104.8 บาท คาดจะสามารถลดทอนแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติได้บ้าง โดยเรายังคงแนะนำทยอยซื้อสะสมหุ้นในบางกลุ่มที่ถึงแม้ผลประกอบการออกมาแย่กว่าคาด แต่มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นได้ต่อในปีนี้ อาทิ 1.) หุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า (GPSC, BGRIM และ GULF) และ 2). หุ้นในกลุ่มธนาคาร (KBANK, BBL และ SCB) 3.) กลุ่มปิโตรเคมี (SCC, PTTGC และ IVL) เรามองราคาอ่อนตัวลงรับรู้การรายงานผลประกอบการ 4Q′65 ไปบ้างแล้วในระดับหนึ่ง

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนําวันนี้ “KCE”

กลยุทธ์ แนวรับ 47.00 1 46.00 Target 50.00 / 53.00 Stop <45.00

- Advertisement -