ค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่า แต่ฝรั่งยังขายหุ้นไทยต่อเนื่อง

ตลาดหุ้นวานนี้… SET Index ปิดที่ 1,619.98 จุด ลดลง 2.37 จุด (+0.15%) มูลค่าซื้อขายราว 59,129.23 ล้านบาท รีบาวด์กลับมาในกรอบจำกัดเท่านั้น ก่อนพลิกกลับมาติดลบเล็กน้อย ยังคงไร้ปัจจัยใหม่เข้ามาสนับสนุน

แนวโน้มตลาดวันนี้… กรอบขาขึ้นยังจำกัดหลัง US bond yield อายุ 10 ปี ทะลุระดับ 4% จาก ISM Manufacturing Prices Paid Index ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดเงินเฟ้อที่เกิดจากการใช้จ่ายโดยกลุ่มผู้ผลิตนั้น ดีดตัวขึ้นแตะระดับ 51.3 ในเดือนก.พ. เป็นการพุ่งขึ้นเหนือระดับ 50 เป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน สะท้อนภาวะเงินเฟ้อภายในประเทศยังคงอยู่ในระดับที่สูงมาก รวมถึงการปรับเพิ่มการคาดการณ์ของตลาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 21- 22 มี.ค. ที่ 0.50% และ terminal rate อยู่ในกรอบ 5.50-5.75% ในการประชุมรอบ ก.ย. 56 กระทบต่อความกังวลเรื่อง Fund flow ไหลออกในตลาดหุ้นไทย หลังค่าเงินบาทที่อยู่อ่อนค่ากว่า 6.5%MTD จนแตะระดับ 35.25 บาท/ดอลลาร์ อย่างไรก็ดี เราเริ่มเห็น turning point ค่าเงินบาทและ fund flow ไหลกลับหลังกลับมาแข็งค่าและต่ำกว่า 35 บาท/ดอลลาร์ สรอ. แล้ว จาก 1. การประกาศยุบสภา และเข้าสู่ช่วงการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ 2. ค่าเงินบาท ในระดับปัจจุบันใกล้เคียงระดับค่าเฉลี่ยในปี 65 และ 3. ภาพรวมเศรษฐกิจไทย ที่ยังฟื้นตัว ล่าสุด ธปท. ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจเดือน ก.พ. จะเดินหน้าฟื้นตัวต่อ ตามการบริโภคภาคเอกชน รวมถึงแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง ช่วยหนุนกลุ่ม BANK, Finance และ Domestic play ที่ปรับตัวลงแรงและมีโอกาสถูก Covered short กลับมา หลังนักลงทุนต่างชาติเปิดสถานะ Short กว่า 2.2 แสนสัญญา YTD 4. ปัจจัยหนุนจากการเลื่อนเก็บภาษีหุ้นที่มีโอกาสไม่ทันเริ่มใช้ในพ.ค. 66 นี้ ซึ่งตลาดรับรู้ปัจจัยลบนี้ไปพอสมควรแล้ว ดังนั้น จะเป็นผลดีต่อตลาดทุนไทย และดึงดูดนักลงทุนจากต่างชาติในเชิงบวกมากขึ้น และช่วยให้นัก ลงทุนกลับมา focus ที่ปัจจัยพื้นฐานของประเทศมากขึ้น 5. PMI จีนที่กลับมาขยายตัวมากกว่าคาด สะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และอุปสงส์การใช้น้ำมันสูงขึ้นหนุนกลุ่มพลังงาน ทั้งนี้ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อยุโรป คาดว่าขยายตัว 8.2%YoY แม้ว่าจะชะลอตัวจากเดือนก่อนที่ขยาย 8.6%YoY แต่ยังสูงกว่ากรอบของ ECB ที่ 2% หากออกมาตาม/ดีกว่าคาด จะหนุนให้ค่าเงินยูโรแข็งค่าเทียบดอลลาร์ เป็นบวกอ้อมๆ ต่อค่าเงินบาท

กลยุทธ์การลงทุน… ประเมิน SET Index แกว่งตัว sideway แนะนำ Trading ในกรอบ 1618-1640 แนะนำ Selective buy ในกลุ่มธนาคาร-การเงินที่ downside risk จำกัด เราชอบ SCB KBANK KKP MTC กลุ่ม Domestic play AOT AAV AWC ERW CPN CPALL BJC OSP CBG และกลุ่มเดินเรือตามค่า BDI ปรับตัวขึ้น PSL RCL TTA

เคาะไป คุยไป ADVANC

  • ADVANC รายงานงบปี 65 มีกำไรสุทธิ 2.6 หมื่นล้านบาท หดตัวลง 3.4% YoY จากรายได้ธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่สูง 19% YOY ตามลูกค้าที่ขยายตัวกว่า 22% YoY และการขยายพื้นที่การให้บริการบริเวณชานเมืองมากขึ้น ขณะที่ธุรกิจโทรศัพท์มือถือหดตัวลงเล็กน้อย ตาม ARPU ที่ลดลง เหลือ 213 บาท จากปีก่อนที่ 224 บาท แต่ทั้งนี้ลูกค้า 5G ที่เพิ่มขึ้น และรายได้บริการโรมมิ่งระหว่างประเทศตามการเปิดประเทศ ส่วนรายได้ขายโทรศัพท์ดีขึ้นจากการจําหน่าย iPhone14 ที่เปิดตัวเร็วกว่าคาด ต้าน EBITDA margin เท่ากับ 48.4% ลดลงจากปีก่อนที่ 50.4% จากสภาวะการแข่งขันด้านราคาที่สูงของอุตสาหกรรม
  • สำหรับ ดีลซื้อ TTTBB ผู้บริหารคาดว่าจะแล้วเสร็จใน 2Q66 ซึ่งเรามองว่าจะเป็นส่วนสำคัญในการสู้กับการควบรวมกันของ TRUE-DTAC เนื่องจากปัจจุบันในธุรกิจโทรศัพท์มือถือของ ADVANC มีผู้ใช้กว่า 46 ล้านเลขหมาย ขณะที่ของ TRUE และ DTAC รวมกันอยู่ที่ 55 ล้านเลขหมาย (TRUE 33.8 ล้านเลขหมาย และ DTAC 21.2 ล้านเลขหมาย) ขณะที่ธุรกิจอินเทอร์เน็ทบ้าน ADVANC มีผู้ใช้เกือบ 2.2 ล้านราย เมื่อรวมกับ TTTBB จะเป็น 4 ล้านราย ส่วน TRUE เป็นผู้นำตลาดด้วยผู้ใช้งาน 4 ล้านราย อย่างไรก็ดี ดีลการควบรวมของ ADVANC กับ TTBB มีความน่าสนใจและสถานะทางการเงิน หลังควบรวมยังแข็งแกร่งทั้งในเชิงงบดุลและการการทำกำไร
  • ส่วนแนวโน้มปี 66 ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้โต 3-5% โดยแนวโน้มธุรกิจโทรศัพท์ การแข่งขันยังคาดการณ์ได้ยาก  ส่วนธุรกิจอินเทอร์เน็ทบ้านจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยตั้งเป้าหมายการสร้างฐานลูกค้า 2.5 ล้านรายในปีนี้ ส่วน EBITDA growth ในระดับ Mid-single งบประมาณการลงทุน 2.7- 3.0 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ในปี 68 จะเริ่มจ่ายค่าใบอนุญาตคลื่นความถี่ 2600 MHz ราว 2.9 พันล้านบาท

Global Markets

(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกเล็กน้อย จากปัจจัยกดดันของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีที่พุ่งขึ้นทะลุระดับ 4% หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่าภาวะเงินเฟ้อภายในประเทศยังคงอยู่ในระดับที่สูงมาก

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของยูโรโซน

(+) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดบวกหลังจีนรายงาน PMI ภาคการผลิตพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 11 ปี

(+) สัญญาทองคำตลาด COMEX ปิดได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด

- Advertisement -