บล.ฟิลลิป:
ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น – SAWAD กลับมาทวง Market Share
Key Point
ยังตั้งเป้าเติบโตสูงสวนทางกับคู่แข่งในตลาด เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาดกลับมาหลังจากชะลอไปในปี 63 – 64 สามารถควบคุม NPL ได้ดี และมีสัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมลดลงจากสินเชื่อที่เติบโตสูงในปี 66 อาจจะมี NPL เพิ่มขึ้น แต่จะพยายามรักษาไว้ให้ไม่เกิน 2.5 – 2.7% และอาจจะมีการตั้งสำรองเพิ่มสูงขึ้น แต่การตั้งสำรองที่สูงขึ้นนี้ก็ยังต่ำกว่าที่ทางฝ่ายคาดไว้เดิม จึงมีการปรับประมาณการกำไร และราคาพื้นฐานขึ้นเป็น 62 บาท ปรับคำแนะนำขึ้นมาเป็น “ซื้อ” จากเดิมแนะนำ “ถือ”
ตั้งเป้าเติบโตสูงต่อจากปีก่อนที่โตเด่น
ในปี 65 SAWAD มีสินเชื่อเติบโตสูงถึง 62% โดยเป็นการเติบโตอย่างมากของสินเชื่อเช่าซื้อ ในขณะที่สินเชื่อเงินให้กู้ยืมอาจจะเติบโตไม่มาก และในปี 66 ถึงแม้ว่าคู่แข่งจะตั้งเป้าไม่ Aggressive เหมือนที่ผ่านมา แต่ทาง SAWAD ก็ยังตั้งเป้าเติบโตสูงถึง 25-30% โดยจะยังทำผ่านการเปิดสาขาเพิ่ม โดยตั้งเป้าจะเปิดสาขาเพิ่มวันละ 1 สาขา ซึ่งการตั้งเป้าที่ยัง Aggressive สวนทางกับคู่แข่งเพื่อเพิ่ม Market share หลังจากที่ SAWAD ชะลอการเติบโตไปในปี 63 – 64 จากผลกระทบของ COVID-19 การช่วยเหลือลูกค้า รวมไปถึงการขายเงินสดทันใจออกไปให้กับ ธ.ออมสิน
NPL ไม่น่ากังวล
ในปี 65 ที่ผ่านมาหลายบริษัทในกลุ่ม FIN ได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของ NPL ในส่วนของ SAWAD นั้น ถึงแม้ว่าปริมาณ NPL ปรับเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกันเป็น 1.4 พันลบ. จากสิ้นปี 64 ที่มีอยู่ 1.2 พันลบ. แต่สินเชื่อที่เติบโตสูงมาก ทำให้สัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมกลับปรับลดลงเหลือ 2.4% จากสิ้น ปี 64 ที่มีอยู่ 3.3% ในปี 66 ทางผู้บริหารคาดว่า NPL อาจจะเพิ่มสูงขึ้น แต่จะรักษาให้อยู่ไม่เกิน 2.5 – 2.7% โดยจะเร่งติดตาม และเร่งยึดคืนหากมีการผิดนัดชำระหนี้ และอาจจะมีการกลับมาตั้งสำรองในระดับปกติประมาณไตรมาสละ 150 ลบ. จากปีก่อนที่มีการตั้งสำรองน้อยกว่าปกติจากการกลับสำรอง อย่างไรก็ตาม การตั้งสำรองของ SAWAD ก็ยังต่ำกว่าที่ทางฝ่ายคาดไว้เดิมว่าจะมีการตั้งสำรองประมาณ 800 ลบ.
ปรับประมาณการกำไรขึ้น จากการตั้งสำรองที่ต่ำกว่าคาดไว้เดิม
ถึงแม้ว่า SAWAD จะมีการตั้งสำรองสูงขึ้นในปีนี้ แต่ก็ยังต่ำกว่าที่ทางฝ่ายคาดไว้เดิม ทางฝ่ายจึงปรับลดประมาณการการตั้งสำรองในปี 66 ลงเหลือ 462 ลบ. จากเดิมคาดไว้ที่ 800 ลบ. ทำให้ประมาณการกำไรปี 66 เพิ่มขึ้นเป็น 5.4 พันลบ. เพิ่มขึ้น 19.9% y-y จากเดิมคาดไว้ที่ 5.2 พันลบ. แต่ยังคงประมาณการเงินปันผลไว้เท่ากับปี 65 ที่ 1.80 บาท โดยปันผลของปี 65 จะมีการขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 2 พ.ค. และมีการจ่ายในวันที่ 19 พ.ค. 66 โดยคิดเป็น Div. yield 3.3% จากการปรับขึ้นประมาณการกำไรปี 66 ส่งผลให้ราคาพื้นฐานปรับเพิ่มขึ้นด้วยเป็น 64 บาท จากเดิม 55 บาท
ความเสี่ยง
1. ความเสี่ยงในการแข่งขันของธุรกิจสินเชื่อรายย่อย
2. ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย
3. ความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ของลูกค้า