ประเมิน SET Index ลุ้นรีบาวนด์ แนะนำ Trading ในกรอบ 1,618-1,640
ประเด็นการลงทุน
1. ติดตามถ้อยแถลงของพาวเวลต่อสภาครองเกรส 7-8 มี.ค. นี้
2. อัตราเงินเฟ้อ ก.พ. ไทยคาดขยายตัว 4.18%YoY แต่ต้องจับตาราคาภาคบริการ
3. Update สถานการณ์เลือกตั้ง
วันนี้เคาะ KBANK มองเป็นกลางสำหรับเป้าหมายทางการงินปีนี้ แนะนำซื้อที่ราคาพื้นฐาน 183 บาท
สรุปตลาดวานนี้
เมื่อวานตลาดหุ้นไทยปรับลงต่อ สวนทางตลาดภูมิภาครับแรงกดดันจากแรงขายหุ้นกลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ โดยเฉพาะ DELTA ขณะเดียวกันไร้ปัจจัยหนุนใหม่เข้ามาช่วยพยุงดัชนี
Research Highlight ระดับ 1600 เป็นจุดพิจารณาสะสม
1. ติดตามถ้อยแถลงของพาว เวลต่อสภาครองเกรส 7-8 มี.ค. นี้:
- ปธ.เฟต จะแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรส 7-8 มี.ค. เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ และทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 21-22 มี.ค. ซึ่งก่อนหน้านี้มีความเห็นของปธ.เฟต แอตแลนตา ที่สนับสนุนให้เฟสขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% หนุนให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้น และ US bond yield-Dollar index-VIX index ปรับลดลง หนุนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง
- ข้อมูลจาก FedWatch Tool ระบุว่าตลาดให้น้ำหนัก 68.6% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% สู่ระดับ 4.75-5.00% ลดลงจาก 96.7% เมื่อเดือนที่แล้ว ด้าน terminal rate อยู่ที่ระดับ 5.50-5.75% ในเชิงกลยุทธ์อาจเห็นแรงซื้อกลับหุ้นในกลุ่ม Big cap. ที่ปรับตัวลงแรงในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา เช่น FIN (-5.56%), MEDIA (-4.43%), CONS (-3.79%), INSUR (3.48%)
2. อัตราเงินเฟ้อ ก.พ. ไทย คาดขยายตัว 4.18%YoY แต่ต้องจับตาราคาภาคบริการ:
- ตลาดคาดการณ์ CPI ก.พ. ไทยจะขยายตัว 4.18% ตามราคาน้ำมัน และราคาอาหารที่เริ่มมีทิศทางชะลอตัวลง แต่เรามองว่าราคาภาคบริการอาจจะปรับตัวขึ้นตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว และจีนเปิดประเทศเร็วกว่าคาด สะท้อนผ่านราคาที่พักในจังหวัดท่องเที่ยวที่ปรับตัวพุ่งขึ้นเหนือระดับ Pre-COVID ไปแล้ว หากออกมาตามคาด เรามองเป็นบวกต่อกลุ่มค้าปลีกที่จะช่วยหนุนให้ลูกค้ามีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น และกลุ่มท่องเที่ยว ตามราคาภาคบริการที่เพิ่มสูงขึ้น
3. Update สถานการณ์ เลือกตั้ง:
- คาดหวังพล.อ.ประยุทธิ์ นายกฯ และรมว.กลาโหม ยุบสภาช่วง 20-23 มี.ค. หลังนายกฯ ได้ลงพื้นที่ตรวจราชการต่างจังหวัดจนถึง 17 มี.ค. และเพื่อให้ ส.ส. ย้ายพรรคได้ทัน ซึ่งตลาดคาดหวังการเปลี่ยนแปลงขั้วทางการเมืองที่จะเกิดขึ้น หลังทางพรรคเพื่อไทยได้เปิดตัว คุณ เศรษฐา ทวีสิน ที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ที่มีท่าทีประนีประนอมกับฝ่ายรัฐบาล ในปัจจุบัน
- สถิติการเลือกตั้ง 7 ครั้งก่อนหน้า SET ก่อนการเลือกตั้งย้อนหลังทั้งสิ้น 7 ครั้ง ให้ผลตอบแทน 3 เดือนก่อนการเลือกตั้งเฉลี่ย 1.0% และ 1 เดือนเฉลี่ยก่อนการเลือกตั้งอยู่ที่ 1.1% ในขณะที่ผลตอบแทนตลาดหลังเลือกตั้ง 1 เดือน โดยเฉลี่ยสูงถึง 3.9%
- ในเชิงกลยุทธ์แนะนําทยอยสะสมหุ้นที่อิงกับการฟื้นตัวในประเทศเป็นหลัก ตามการประกาศนโยบายเศรษฐกิจของแต่ละพรรคการเมือง เราชอบกลุ่มสื่อสาร, มีเดีย, รับเหมาก่อสร้าง และค้าปลีก มี Top picks ที่เราชอบได้แก่ ADVANC PLANB CK CPALL
Investment Strategy
- SETI ราคาทำ New low ต่อเนื่อง แม้จะให้ภาพแนวโน้มขาลง แต่เริ่มเห็นแรงซื้อกลับในหลายกลุ่ม ประเมิน SETI ลุ้น Rebound หากไม่หลุด 1600 แนะนำเพิ่มการลงทุน แนวต้าน 1612/1620 เป็นจุดพิจารณากลับตัว
- แนะนำ Selective buy กลุ่มธนาคาร-การเงินที่ยัง laggard ตลาด เช่น KBANK SCB KKP TDLOR กลุ่มพลังงานที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น PTTEP IRPC TOP และกลุ่มที่แนวโน้มผลประกอบการฟื้นตัว AOT AWC BDMS CPN SHR
Fund Flow Rotation
- Underweight: Electronic Components (DELTA)
- Overweight: FIN (TIDLOR NCAP), FOOD (TU OSP)
Upcoming Events
ไทย
- CPI ก.พ. คาด +4.2% ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนที่ 5.02% (7 มี.ค.)
- ความเชื่อมั่นผู้บริโภค (9-10 มี.ค.)
ต่างประเทศ
- US Nonfarm Payrolls (ก.พ.) คาดลดลงเหลือ 200K ตำแหน่ง
- จากเดือนก่อนที่ 517K ตำแหน่ง (10 มี.ค.)
หุ้นเคาะไป คุยไป… KBANK
- เรามองเป็นกลางสำหรับเป้าหมายทางการเงินของ KBANK ในปีนี้ Highlight หลักได้แก่
- สินเชื่อขยายตัว 5-7% มาจากพอร์ท corporate เป็นหลัก ที่จะขยายตัว 4-6% ตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยว ขณะที่พอร์ท Retail ตั้งเป้าขยายตัว 2-4% โดย ผ่านทาง digital banking (Buy-Now-Pay-Later) ในแอป K Plus ส่วนสินเชื่อที่อยู่อาศัยยังเติบโตด้วย คุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่ง ส่วนพอร์ท SME ตั้งเป้าขยายตัว 1-2% ซึ่งจะใช้ data analytics ในการ พิจารณาการปล่อยสินเชื่อ โดยเฉพาะในกลุ่มที่เริ่มฟื้นตัว รวมถึงจะรักษาส่วนแบ่งการตลาดให้เป็นที่ 1 ของ พอร์ท SME
- ด้าน NIM ขยับขึ้นมาเป็นในกรอบ 3.3-3.45% จากปี 65 ที่ระดับ 3.33% เราเชื่อว่าผลของการปรับขึ้น สินเชื่อเงินกู้ที่แรงและเร็วกว่าจะชดเชยการปรับขึ้นของเงินนำส่งกองทุน FIDF และแนวโน้มการขึ้นอัตรา ดอกเบี้ยเงินฝาก ซึ่งคาดว่าจะปรับขึ้นช่วง 2H66 ทำให้เราประมาณการ NIM ปี66 เท่ากับ 3.37%
- คุณภาพลูกหนี้ที่ <3.25% โดยจะทยอยปรับชั้นกลุ่มที่เป็น Vintage NPLs ที่มาจากมาตรการช่วยเหลือออก จาก stage 1-2 รวมถึงปีนี้ยังตั้งสำรองในระดับที่สูงในกรอบ 175-200 bps ซึ่งต่ำกว่าในงวด 4Q65 สะท้อนภาพที่ผ่านจุดสูงสุดของการตั้งสำรองมาแล้ว รวมถึงยังมี upside จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้น อาจหนุนให้มีการตั้งสํารองที่ลดลง
- รายได้ค่าธรรมเนียมยังทรงตัว โดยโดดเด่นในธุรกิจตลาดทุนนายหน้าประกัน และ Wealth ส่วนที่ปรับตัวลงจากรายได้ค่าธรรมเนียมแบบเก่าตามพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป ส่วน C/I ยังทรงตัวที่ low to mid-40s
- ประเมิน 1Q66 ทรงตัว YoY แต่ดีขึ้น QoQ จากแนวโน้มการตั้งสำรองที่ลดลง QoQ แต่สูงขึ้น YoY ด้าน รายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายที่ลดลงตามฤดูกาลพยุงผลประกอบการ ส่วนภาพทั้งปี 66 ประเมินกำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 3.9 หมื่นล้านบาท (+9.5%YoY)
- แนะนําซื้อที่ราคาเป้าหมายสิ้นปี 66 ที่ 183 บาท
Global Markets
( + ) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดปิดบวกเล็กน้อยในวันจันทร์ (6 มี.ค.) ขณะที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย ก่อนที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะแถลงต่อสภาคองเกรสสหรัฐ และกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.พ.ในสัปดาห์นี้
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดดลบในวันจันทร์ (6 มี.ค.) โดยถูกกดดันหลังเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) สนับสนุนความจําเป็นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป
(+) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดบวกในวันจันทร์ (6 มี.ค.) หลังจากผู้บริหารของบริษัทพลังงานรายใหญ่ระบุว่า อุปทานน้ำมันในตลาดโลกอยู่ในภาวะตึงตัว และคาดว่าอุปสงค์น้ำมันในประเทศจีนจะฟื้นตัว
(-) สัญญาทองคำตลาด COMEX ปิดทรงตัวในวันจันทร์ (6 มี.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะแถลงต่อสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตรา ดอกเบี้ยของเฟด