ยังคงรอคอย 1,595-1,615
มุมมองตลาดหุ้นวันนี้
- คาด SET แกว่งตัว Sideways: ตลาดได้รับ Sentiment ทางบวกจากตลาดในฝั่งสหรัฐฯ ที่ปิดบวกสองวันติดต่อกัน และราคาน้ำมัน WTI ขึ้นแตะระดับ 80 $/bbl จากประเด็นอุปทานคาดการณ์ดึงตัวช่วยหนุนหุ้นพลังงาน อย่างไรก็ดี ล่าสุดจีนกําหนดเป้าหมาย GDP ปีนี้ที่ราว 5% ต่ำกว่าตลาดคาดระดับ 5.5% แม้มากกว่าการเติบโตของศก.จีนระดับ 3% ในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้การอัดฉีดเงินเพื่อกระตุ้นศก.อาจชะลอลง กอปรกับตลาดยังคงถูกกดดันจากแรงขายของต่างชาติอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนก.พ. เนื่องจากตลาดยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ ที่เด่นชัดทางบวกชัดเจนจนสามารถจะสกัดการไหลออกของเงินทุนต่างชาติได้ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามปัจจัยสำคัญในวันนี้ ได้แก่ 1) การรายงาน CPI เดือนก.พ.ของไทย โดย ตลาดคาด CPI และ Core CPI ขยายตัว 4.18% y-y และ 2.10% y-y ตามลำดับ ชะลอตัวลงจากเดือนม.ค.ที่ขยายตัว 5.02% y-y และ 3.04%y-y ตามลำดับ ทั้งนี้การชะลอตัวลงของตัวเลขดังกล่าว คาดเป็นปัจจัยหนุนต่อหุ้นในกลุ่ม Spending และท่องเที่ยว 2) การรายงานตัวเลขการค้าเดือนก.พ.ของจีน โดยตลาดคาดการส่งออกและนําเข้าหดตัว 9.4% y-y และ 5.5% y-y ตามลำดับ ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนม.ค.ที่หดตัว 9.9% y-y และ 7.5% y-y ทั้งนี้การปรับตัวดีขึ้นของตัวเลขการค้าจีน ซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญของไทย คาดเป็นปัจจัยหนุนต่อการฟื้นตัวของศก.ไทย รวมถึงหุ้นในกลุ่มที่มีความเกี่ยวเนื่องกับจีน และ 3) ถ้อยแถลงของของพาวเวลล์ เพื่อจับสัญญาณทิศทางการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อศก.
- กลยุทธ์ลงทุน: 1) Spending+ท่องเที่ยว+ศก.ฟื้น: AMATA, CENTEL, CRC, DOHOME, KBANK, KLINIQ, TRUE, 2) ความหวังศก.จีน: PTTGC, SCGP, WICE 3) ราคาน้ำมันฟื้น: PTTEP, TOP และ 4) Dividend: SAT, SCB, TISCO
ปัจจัยบวก
- กรุงเทพโพลล์ ม.กรุงเทพ เผยผลสำรวจพบว่ากลุ่มตัวอย่าง 71.9% เห็นว่าเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมให้ประชาชนออกมาท่องเที่ยวในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย. มากถึงมากที่สุด ส่วนงบประมาณสำหรับการท่องเที่ยวทริปนี้กลุ่มตัวอย่าง 62.9% ระบุว่าประมาณ 5-10 พันบาท
- รองอธิบดีกรมการค้าภายในเผยราคาสินค้าช่วงสัปดาห์แรกของเดือนมี.ค. 66 เทียบกับเดือนก.พ. 66 ที่ผ่านมา พบว่า ราคาหมู ไก่ และไข่ไก่ เฉลี่ยทั่วประเทศปรับตัวลดลง 2-9%
- ซาอุดีอาระเบียส่งสัญญาณว่าความต้องการนํ้ามันจะเพิ่มขึ้นในเอเชียและยุโรปด้วยการปรับเพิ่มราคาน้ำมันดิบส่วนใหญ่ที่ส่งไปยังภูมิภาคดังกล่าว
ปัจจัยลบ
- มอร์แกนสแตนลีย์คาด ECB จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้ Terminal Rate ดีดตัวขึ้นแตะระดับ 4%
- สหรัฐฯ ประกาศข้อจํากัดการส่งออกสินค้าให้กับบริษัทจีนอีกหลายสิบแห่ง รวมถึงอินสเปอร์ กรุ๊ป ผู้ผลิตเชิร์ฟเวอร์ และหน่วยงานของบีจีไอ รีเสิร์ช บริษัทวิจัยพันธุกรรม
- จีนประกาศจะเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมอีก 7.2% ในปีนี้ สูงขึ้นจาก 7.1% ในปีที่แล้ว โดยหลี่เค่อเฉียง เตือนถึงภัยคุกคามภายนอกที่เพิ่มมากขึ้นต่อการผงาดขึ้นของจีน
PICKS OF THE DAY
KLINIQ – BUY
- เป้าหมาย 39.50/40.25 แนวรับ 37.50/38.00
- เติบโตตามอุตฯ: คาดผลประกอบการของ KLINIQ เติบโตสูงต่อเนื่องทุกปีจากคนหันมาใส่ใจ และดูแลตนเองมากขึ้น, รักสวยรักงาม และสังคมเปิดกว้างหรือให้การยอมรับเรื่องทำศัลยกรรมความงามมากขึ้น ทำให้ความต้องการทั้งชายและหญิง เพิ่มสูงขึ้นตามลำดับ
- ลูกค้าเข้าใช้บริการสาขาเพิ่มขึ้น: ภายหลังจากสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลายหนุนลูกค้ากลับเข้าใช้บริการสาขาเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ อีกทั้งคาดได้อานิสงส์เชิงบวกจากการเข้ามาของนทท.ต่างชาติ โดยเฉพาะจีน, CLMV หนุน Rev./Bill สูงขึ้น และมาร์จิ้นขยายตัวมากขึ้นต่อเนื่อง
SCGP – BUY
- เป้าหมาย 54.00/55.25 แนวรับ 52.00/52.75
- แรงกดดันด้านต้นทุนลดลง และอุปสงค์จากจีนเพิ่มขึ้น: หลังราคาวัตถุดิบ AOCC เริ่มลดลงต่อเนื่อง จากค่าเฉลี่ยปี 65 ที่ 229 ดอลลาร์ต่อตัน สู่ ม.ค. 65 ที่ 175 ต่อตัน รวมทั้งได้อุปสงค์จากจีนหลังเปิดประเทศ ทำให้มีโอกาสด้านการส่งออกไปยังจีนที่มีมากขึ้น
- ปี 66 คาดรายได้โต 9.5%y-y: โดยฝ่ายบริหารตั้งเป้ารายได้ปี 66 อยู่ที่ 1.6 แสนล้านบาท (+9.5%y-y) และบริษัทมีแผนการขยายธุรกิจในอินโดนีเซีย และเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีโครงการสร้างโรงงานPackaging Paper ในเวียดนามที่มีกำลังการผลิตที่ 3.7 แสนตันต่อปี สำหรับกำไรปี 66 ทางฝ่ายคาดไว้ที่ 7.6 พันล้านบาท (+31%y-y)