หุ้นไทยมีปัจจัยบวกมากกว่าประเทศพัฒนาแล้ว
กรอบ SET INDEX 1613-1625
Market Outlook
เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯ รายงานตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน (ADP) ออกมาที่ 2.42 แสนรายสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ที่ 1.97 แสนราย และยังรายงานตำแหน่งเปิดรับสมัครงานใหม่ที่ 10.8 ล้านตำแหน่งสูงกว่านักวิเคราะห์ประเมินไว้ที่ 10.6 ล้านราย สำหรับ ADP องค์ประกอบภายในพบว่า Sector ที่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น ได้แก่ ภาคผลิต แต่ที่เพิ่มขึ้นสูงได้แก่ภาคบริการ (ธุรกิจ ภาคการเงิน ท่องเที่ยว การแพทย์) ปัจจัยข้างต้นยังคงสะท้อนถึง ภาคบริการที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะการท่องเที่ยว ขณะที่ภาคผลิตยังดูมิได้แข็งแกร่งมากโดยภาคก่อสร้างมีการลดคนราว 1.6 หมื่นราย ในส่วนของ CME Fed Watch ล่าสุดนั้นให้น้ำหนักขึ้นดอกเบี้ย 0.5% อยู่ที่ 78.6% สูงขึ้นจากวันก่อนหน้าที่ 69% สำหรับการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ณ สิ้นเดือนมี.ค. ดังนั้นก็เท่ากับว่าปัจจุบันตลาด ได้ Price In ไปแล้วว่า Fed จะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.5% จากนี้ปัจจัยที่ต้องติดตามใกล้ชิด ได้แก่ (1) ภาคแรงงานสหรัฐฯ ในวันศุกร์กับการจ้างงานนอกภาคเกษตร Bloomberg คาดไว้ที่ 2.24 แสนราย และอัตราการว่างงานที่ 3.4% (2) เงินเฟ้อสหรัฐฯ ในวันอังคาร สัปดาห์ถัดไป (ยังไม่มีคาดการณ์) หากตัวเลขทั้ง 2 ข้างต้นรายงานแล้วต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้จะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้น
ในส่วนของ SET INDEX พบว่าวานนี้แนวรับ 1600 ยังคงเป็นแนวรับแข็งแกร่ง สอดคล้องกับที่เราประเมินไว้ว่าปัจจัยรบกวนจากต่างประเทศถือว่า Price In ไประดับหนึ่งแล้วจากการปรับฐานจาก 1700 ลงมา 1600 ขณะที่ประเทศไทยดูมีปัจจัยบวกมากกว่าประเทศพัฒนาแล้ว อาทิ เงินเฟ้อลดลงต่อเนื่องช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้นเศรษฐกิจไทยที่ยังเห็นการขยายตัวเด่นจากการท่องเที่ยว และสุดท้ายการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ขณะที่เช้านี้ตลาดหุ้นญี่ปุ่น (Nikkei) ปรับตัวขึ้น 0.8% ก็เชื่อว่า SET INDEX วันนี้มีโอกาสปรับขึ้นในกรอบ 1613-1625
เชิงกลยุทธ์การลงทุนมองบวกกับตลาดหุ้นไทยมากขึ้นแนะ Trading Rebound มองแนวต้าน 1640-1650 เน้นหุ้น Domestic Play อาทิ กลุ่มค้าปลีก (BJC, CRC, CPALL, HMPRO) กลุ่มธนาคาร (BBL, KBANK, SCB, TTB, TISCO) กลุ่มท่องเที่ยว (AOT, CENTEL, ERW, MINT, SPA, SHR) กลุ่มสื่อสาร (ADVANC, INTUCH) โรงพยาบาล (BDMS) โรงภาพยนตร์ (MAJOR) ร้านอาหาร (M) ศูนย์การค้า (CPN)
หุ้นแนะนําซื้อวันนี้
M ราคาพื้นฐาน 64.00 บาท
คาดกำไรไตรมาส 1/23 จะฟื้นตัว YoY และ QoQ จากยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของ 3 แบรนด์หลักที่แข็งแกร่ง หนุนจาก SSSG เดือนม.ค. 2023 ที่ 16% (MK ที่+15, Yayoi +10% และแหลมเจริญ ซีฟู้ด (LCS) +28%) พร้อมมองว่าราคาหุ้นที่ปรับฐานลงมาสะท้อน ค่าใช้จ่ายที่สูงในช่วง 4Q22 ไปแล้ว
CPN ราคาพื้นฐาน 83.00 บาท
ในแง่การดำเนินงาน CPN ได้รับผลดีจากมาตรการเปิดประเทศของจีนที่ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวฟื้นตัวได้อย่างมากโดยปี 2023 เราประเมินรายได้อยู่ที่ 40,917 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 12,855 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าปี 19 แล้ว และหากนับตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา หลังจากจีนเปิดประเทศ ทำให้จำนวนผู้เข้าศูนย์ของ CPN ปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 85% เป็นเกือบๆ 90% ของช่วงก่อน Covid-19 ได้แล้ว ทำให้การให้ส่วนลดมีโอกาสต่ำกว่าช่วง 4Q22 ได้