Daily Focus: Selective Play // Accumulate on Dip

2023SET Target: 1750

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลงแรงระหว่างวันทดสอบแนวรับ 1,600 จุด โดยถูกกดดันจากบรรยากาศการลงทุนทั่วโลกหลัง FED ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยสูงกว่าที่เคยประเมิน ก่อนจะมีแรงซื้อกลับหนุนให้ดัชนีลบช่วงลบเหลือเพียง 5.91 จุด ณ สิ้นวัน สถาบันในประเทศยังคงเป็นฝ่ายซื้อสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 15 อีก 1 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเร่งขึ้นและสูงถึงเกือบ 4 พันลบ. (และพลิกมา Short Index Futures ราว 1.9 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่ง Sideways โดยยังมองแนวรับหลัก 1,600 จุดยังทำงานได้ดี และมีโอกาสเกิด Technical Rebound ระยะสั้นได้หลังปรับตัวแรงต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้า ตลาดตอบรับการแถลงของประธาน FED ต่อสภาคองเกรสต่อแนวโน้มดอกเบี้ยที่จะปรับขึ้นสูงกว่าที่เคยประเมินไปมากพอสมควร ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตามสัปดาห์นี้ คือ การจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ก.พ. และสัปดาห์หน้าคือเงินเฟ้อ CPI PPI หากยังไม่เห็นสัญญาณการชะลอตัวที่ชัดเจน คาดว่าจะทำให้ตลาดมั่นใจว่า FED จะเร่งขึ้นดอกเบี้ยเป็น 0.5% ในการประชุมเดือน มี.ค. นี้ โดยล่าสุดตลาดให้ความน่าจะเป็นสูงถึง 79% อย่างไรก็ตาม เรายังคงมุมมองว่า SET Index มีโอกาส Bottom ในช่วง 2Q23 ตามดอกเบี้ย และ Bond Yield ที่จะ Peak ขณะที่เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังคาดยังโตแข็งแรง และดีกว่าฝั่งตะวันตก เราจึงมองจังหวะพักฐานเป็นโอกาสทยอยสะสมหุ้นระยะกลาง-ยาว ส่วนระยะสั้นมี Catalyst จากการหาเสียงเลือกตั้งที่จะมีเม็ดเงินสะพัดช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการบริโภค อย่างไรก็ตาม อัตราดอกเบี้ยที่จะทรงตัวในระดับสูงยาวนาน หุ้นที่คาดว่าจะยังปรับตัวได้แข็งแรงคือ คือ Value Play ที่เทรด PER ไม่สูง โดยยังชอบ Domestic/Consumption Play มากกว่า Global Play และส่งออก

กลยุทธ์ : เลือกเก็งกำไรหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว//ระยะกลาง-ยาวทยอยสะสมหุ้นช่วงตลาดปรับฐานบริเวณ 1,600+- จุด หรือต่ำกว่า

หุ้นเด่นเดือน มี.ค. : ASW, BEYOND, CPN, M, NSL

หุ้นเด่นวันนี้ : CPN

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 82 บาท
  • เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2023 โดยคาดกำไรปกติ +18% y- y ตามการ Reopening เต็มปี หนุนค่าเช่ากลับสู่ระดับปกติ โดยล่าสุดรายได้และ Margin ใน ปี 2022 เริ่มกลับสู่ระดับ Pre-COVID-19 แล้ว
  • การขายหุ้นซื้อคืน 17.15 ล้านหุ้นเริ่มวันที่ 10 มี.ค. เรามองกระทบจำกัด โดยคิดเป็นเพียง 0.4% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ขณะที่ราคาหุ้นที่ปรับฐานแรงในช่วงเดือนที่ผ่านมาเรามองเป็นโอกาสดีในการเข้าลงทุนรอบใหม่
  • แนวรับ 64 บาท แนวต้าน 67-68//70 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลออกจากภูมิภาค US$563 ล้าน โดยกระจุกตัวที่ไต้หวัน US$493 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินไหลออกจากไทยหนาแน่น US$114 ล้าน แต่ไหลเข้าอินโดนีเซียและเวียดนามบางๆ แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดผสมผสานหลังตอบรับการแถลงของประธาน FED ต่อสภาคองเกรส โดยปัจจัยที่ต้องติดตามคือตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ก.พ. ที่จะประกาศคืนพรุ่งนี้

ประเด็นสําคัญวันนี้

(+) ICHI ระยะสั้นรายได้ 1Q23 ยังโตเร่งขึ้น ขณะที่ต้นทุนเม็ดพลาสติกปรับลง คาดช่วยหนุน Margin ให้ยั่งยืนสูง มีโอกาสเห็นกำไร 1Q23 ทำจุดสูงสุดใหม่ ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 2023 +15% และตั้งเป้า Gross Margin สูงกว่า 20% จากปี 2022 ที่ 18.7% ปัจจัยหนุนมาจากกลุ่มชาเขียวที่โตต่อตามตลาด กลุ่ม Non-tea และโดยเฉพาะ Tansansu รวมถึงการฟื้นตัวของรายได้ส่งออกและลูกค้า OEM หากอิงตามเป้าหมายผู้บริหาร จะประเมินกำไรปี 2023 เติบโต +20%-25% y-y เราจะประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายขึ้น เบื้องต้นคาดที่ 14 บาท แนะนำา “เก็งกำไร”

(+) SAPPE ระยะสั้นกำไร 1Q23 จะเร่งตัวขึ้น +25% y-y หนุนจากต่างประเทศที่โตดี ส่วนในประเทศเริ่มกลับมาฟื้นตัว ขณะที่ต้นทุน Pet Resin ปรับลงทำให้ Margin ยังสูง ผู้บริหารตั้งเป้า รายได่ปี 2023 +25% y-y ล่าสุดเตรียมว่าจ้าง OEM ผลิตให้ราว 10% สำหรับปี 2023 จะมีกำลังการผลิตเพิ่ม 30% และต้นปี 2024 จะมีกำลังการผลิตใหม่เพิ่ม 30% จากการขยายในโรงงานที่ไทย และจะพิจารณาการขยายในเฟสถัดไปซึ่งอาจไปขยายต่างประเทศในปี 2025 เราจะปรับเพิ่มราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 62 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) SHR โมเมนตัมผลการดำเนินงานปี 2023 คาดยังดีต่อเนื่องหนุนจาก RevPar ที่คาดปรับตัวขึ้นโดดเด่นในทุกๆ Destination ทั้งไทย UK มัลดีฟท์ ฟิจิ มอริเชียส ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้โตไม่ต่ำกว่า +15% y-y สอดคล้องกับประมาณการของเรา ขณะที่ EBITDA Margin คาดปรับตัวขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 25% ระยะสั้นกำไร 1Q23 คาดยังแข็งแรงจาก RevPar ของไทย และมัลดีฟท์ที่ +88% และ +34% เทียบกับ 4Q22 ชดเชย UK และ Outrigger ที่หดตัวจาก ปัจจัยฤดูกาล ส่วนราคาก๊าซในยุโรปที่ปรับลงต่อเนื่องเป็นบวกต่อต้นทุนและกำลังพิจารณาล้อคราคาก่อนเข้าฤดูหนาวถัดไป คงราคาเป้าหมาย 5.30 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) SFLEX แนวโน้มกำไรปี 2023 จะกลับมา Turnaround เร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยยะ หลังมีสัญญาณบวกจากกำไร 4Q22 ที่ฟื้นตัวดี โดยเฉพาะฝั่ง Margin จากต้นทุนวัตถุดิบผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกเริ่มปรับลงตามราคาน้ำมัน เราคาดหนุน Gross Margin จะทยอยกลับสู่ระดับปกติภายในปี 2025 ที่ 20% เราคาดกำไรปี 2023-2025 +12% CAGR ให้ราคาเป้าหมาย 4.70 บาท แนะนำ “ซื้อ”

 

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 58.06 จุด หรือ -0.18% ปิดที่ 32,798.40 จุด หลังจากประธาน FED แถลงนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐรอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรสเสร็จสิ้น โดยยังไม่ได้ตัดสินใจเกี่ยวกับขนาดของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และจะพิจารณาจากข้อมูลเกี่ยวกับตลาดแรงงานและเงินเฟ้อ

(0) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดทรงตัว ท่ามกลางซื้อขายที่ซบเซา ขณะที่นักลงทุนยังคงกังวลการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED ในระยะถัดไป

(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวก โดยนักลงทุนจับตาการประชุม BOJ ซึ่งจะทราบผลการประชุมในวันศุกร์นี้

(0) ค่าเงินบาท ทรงตัว อยู่ที่บริเวณ 35.07 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 92 เซนต์ หรือ 1.19% ปิดที่ 76.66 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยนักลงทุนยังกังวลกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED ในขณะที่เช้านี้รีบาวน์ที่ระดับ 76.68 ดอลลาร์/บาร์เรล +0.03%

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 1.40 ดอลลาร์ หรือ 0.08% ปิดที่ 1,818.60 ดอลลาร์/ออนซ์ จากความกังวลการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ในขณะที่เช้านี้รีบาวน์ที่ระดับ 1,819.1 ดอลลาร์/ออนซ์ +0.03%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 906.62 / –

- Advertisement -