ลุ้นอย่าหลุด 1,600 / 1,600-1,620

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

  • ลุ้นอย่าหลุด 1,600: SET Index เช้านี้มีแนวโน้มแกว่งตัวอิงทางลง รับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ล่าสุดปิดตลาดไม่สดใส โดยแต่ละดัชนีลดลงเฉลี่ยราว 1.5-2.0% ท่ามกลางแรงเทขายในหุ้นกลุ่มธนาคารจากปัจจัยเฉพาะตัว  และความกังวลการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่ยังปกคลุมอยู่ ทั้งนี้ตลาดรอจับตาตัวเลขข้อมูลศก.สำคัญของสหรัฐฯ ที่จะประกาศคืนนี้ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร, ค่าจ้างรายชั่วโมง, อัตราการว่างงาน ซึ่งถือเป็น 1 ใน Key factors สำคัญที่คาดว่าเฟดจะนำมาใช้พิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในรอบการประชุมที่จะถึงนี้ นอกเหนือจากตัวเลขอัตราเงินเฟ้อ (CPI) ที่จะประกาศในช่วงสัปดาห์หน้า อีกทั้งหุ้นกลุ่มพลังงานซึ่งที่มีสัดส่วนน้ำหนักต่อดัชนีสูงคาดอาจถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลง ท่ามกลางความกังวลเศรษฐกิจโลกถดถอยจะกระทบอุปสงค์ในการใช้น้ำมันลดลง อย่างไรก็ดี ทางฝ่ายมองการปรับลงของดัชนีถือเป็นโอกาสในการเข้าซื้อหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี แนวโน้มการเติบโตสดใส โดยเฉพาะหุ้นกลุ่ม Domestic Plays หลังยังมีเรื่องราวดีๆ สนับสนุนจากภาคท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว และมาตรการจากภาครัฐที่เข้ามาช่วยขับเคลื่อนศก.ไทย โดยถูกสะท้อนผ่านมายังดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 และอยู่ระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี บวกกับการเข้าซื้อสะสมหุ้นปันผลเพื่อลดความเสี่ยงพอร์ต ส่วนสัปดาห์หน้าจับตาตัวเลขค้าปลีกจีนคาดออกมาสดใสมองเป็นบวกต่อตลาด แต่สวนทางฝั่งสหรัฐฯ คาดออกมายังสะท้อนภาพการบริโภคที่ซบเซา นอกจากนี้ต้องติดตามผลประชุม ECB ซึ่งตลาดให้น้ำหนักปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.5%
  • กลยุทธ์ลงทุน: 1) Spending+ท่องเที่ยว+ศก.ฟื้น: AAV, AMATA, CPALL, CENTEL, HMPRO, MAKRO, OSP, SPA, WHA 2) เงินบาทอ่อนค่า: ITC, KCE, SAPPE, SNNP 3) กพช. รับชื้อไฟเพิ่ม: BGRIM, GULF, GPSC, GUNKUL และ 4) Dividend: AP, BRI, ORI, ICHI, SCB

ปัจจัยบวก

  • กพช. ประกาศรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมูนเวียนเพิ่มอีก 3.662 MW ในรูปแบบ FIT จากเดิมรับชื้อรอบแรกแล้ว 5,203 MW และเห็นชอบในการส่งเสริมพลังงานทดแทน โดยจะรับชื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนตาม PDP2018 rev.1 เพิ่มเป็น 12,000 MW จากเดิม 10,000 MW
  • รมว.คลัง แจงเศรษฐกิจไทยทยอยฟื้นตัวต่อเนื่อง ตั้งเป้าระดับที่เหมาะสมต้องโต 4-5% ต่อปี คาดปีนี้โตได้ 3-4% ขณะที่เงินเฟ้อทยอยลดลงเข้าสู่กรอบ 3%
  • ม.หอการค้าเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.พ.66 อยู่ที่ระดับ 52.6 เพิ่มขึ้นจากเดือนม.ค. ซึ่งอยู่ที่ระดับ 51.7 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9

ปัจจัยลบ

  • เมืองซีอาน ซึ่งมีประชากรราว 13 ล้านคน มีความเสี่ยงที่จะถูกล็อกดาวน์ตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ และอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของจีน
  • รัฐบาลเนเธอร์แลนด์เตรียมจะจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีชิปเซมิคอนดักเตอร์ที่ล้ำสมัยที่สุดของประเทศ ตามข้อตกลงที่เนเธอร์แลนด์และญี่ปุ่นบรรลุผลร่วมกับสหรัฐ เมื่อเดือน ม.ค. 66 เพื่อจํากัดการขายเทคโนโลยีชิปให้จีน
  • นายสุพัฒนพงษ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ยอมรับว่าภาคการส่งออกของไทยกำลังเผชิญผลกระทบ จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ผลจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง

PICKS OF THE DAY

AAV BUY

  • เป้าหมาย  2.96/3.06 แนวรับ 2.77/2.82
  • 1Q66 โมเมนตัมดีต่อเนื่อง: นทท. ยังมีโมเนนตัมดีต่อเนื่องจาก 4Q65 โดย ม.ค. นทท. เข้าไทย 2.1 ล.คน และข้อมูล AOT ตัวเลข นทท. เดือน ม.ค. – ก.พ. ยังสูงกว่า 4Q65 ที่ 6.2 หมื่นคน เป็น 7.5 หมื่นคน/วัน สะท้อนภาพการฟื้นตัวต่อเนื่อง โดย ททท. คาด นทท. เดินทางเข้าไทยปีนี้ 30 ล.คน จาก 11.2 ล.คนในปีก่อน และคนไทยเที่ยว 250 ล้านครั้ง +11% y-y
  • ผู้โดยสารโตมีนัยสำคัญ: ปีนี้จะกลับ มาบินจีนใน 13 เส้นทางที่เคยบินก่อนโควิด และเปิดเส้นทางบินใหม่ 7 เส้น ทาง และใช้เครื่องได้ทั้ง 53 ลำ ตั้งเป้าผู้โดยสารที่ 20 ล.คน จากปีก่อนที่ 9.95 ล.คน และหากเทียบก่อนโควิดอยู่ที่ 22.15 ล.คน กลับมาใกล้ปกติ ทำให้ปีนี้การดำเนินงานจะฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ

KCE BUY

  • เป้าหมาย 50.50/53.00 แนวรับ 47.00/47.50
  • ส่งออกไปยุโรปขยายตัว: จากข้อมูลสินค้าส่งออก ไปยุโรปในต้นปีที่ผ่านมาขยายตัวมากกว่าภูมิภาคอื่น โดย เฉพาะกลุ่มของยานยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ, มองอุตสาหกรรมรถยนต์ปีนี้ยังเติบโตได้ 4-6%
  • KCE ได้ประโยชน์ชัดเจน: จากการมีรายได้ จากยุโรปถึง 49% ของรายได้รวม และได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่าในช่วงนี้ และปีนี้ราคาต้นทุนไฟเบอร์กลาสและพรีเพกลดลง 4-5% ตั้งแต่ต้นปี และคาดว่าจะลดลงอีก 1-2 รอบภายในปี, คาดผลประกอบการปีนี้จะทำได้ดีกว่าปีก่อน, มองเป็นโอกาสลงทุนเนื่องจากราคาหุ้นยังไม่ฟื้นตัวตาม
- Advertisement -