KS Daily View 13.03.2023 >>> ติดตาม SVB เน้นลงทุนหุ้นกลุ่ม Defensive/ Tech Consult SET คาดแกว่งตัว 1,585 -1,610 จุด หุ้นแนะนำวันนี้ BGRIM, BE8
สรุปตลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์
ในประเทศ SET Index ปิดทรงตัว 1599.6 จุด (-0.9%) หุ้นที่ปรับขึ้นเด่นคือ TASCO +4.1%, GLOBAL +2.6%, ADVANC +0.97% ฯลฯ ส่วนหุ้นที่ปรับลงแรงและกดดัชนีคือ TU -3.33%, MAKRO-2.5%, PTTEP -2.01%, AOT -1.44% ฯลฯ
ต่างประเทศ : ตลาดหุ้นสหรัฐ กลับมาพักฐานต่อ ดัชนี Dow Jones -1.07%, S&P500 -1.45%, ดัชนี Nasdaq -1.76% โดย Sector ในดัชนี S&P500 ปรับลงทุก Sector โดยกลุ่มที่ Underperform หรือปรับลงมากสุด คือ Real Estate -3.2%, Materials -2.1%, Industrials-1.8% ฯลฯ ส่วนกลุ่มที่ปรับลงน้อยกว่าค่าเฉลี่ยคือ Consumer Staples -0.46%, Health Care -0.75% ฯลฯ
ทิศทางตลาดหุ้นในประเทศวันนี้
สัปดาห์นี้เราคาด SET Index มีแนวโน้มจะแกว่งตัวลงหรือออกข้าง คาดจะเห็นการ Rebound ได้แต่สั้นๆ ประเมินแนวรับสำคัญยังคงอยู่ที่ 1585 จุด Key สำคัญที่กดดันตลาดหุ้นไทยและหุ้นทั่วโลกยังคงเป็นปัจจัยต่างประเทศ คือ “ธนาคาร Silicon Valley Bank (SVB)” ธนาคารขนาดใหญ่ลำดับ 16 ของสหรัฐที่เกิดภาวะ Bank run ขึ้น โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาทางการสหรัฐได้ประกาศให้ SVB ปิดกิจการ และล่าสุดบริษัทอื่นๆ อาทิ Signature ถูกสั่งปิดเช่นกัน จุดกำเนิด คือ การบริหารจัดการที่ในการบริหารจัดการระหว่างสินทรัพย์และหนี้สิน (Duration mismatched) และความเสี่ยงด้านสภาพคล่องเมื่อเกิดสถานการณ์คนแห่ถอนเงิน ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากนโยบายการเงินที่ตึงตัวของ Fed ที่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงในปีที่แล้ว สถานการณ์ปัจจุบัน ทางการสหรัฐฯ โดยกระทรวงการคลัง, Fed, และ FDIC เข้ามาให้ความช่วยเหลือให้กับผู้ฝากเงินทั้งสองธนาคารเต็มจำนวน โดยตั้งเป็นกองทุนให้ความช่วยเหลือผู้ฝากเงิน (Bank deposit insurance fund) ซึ่งเงินส่วนนี้จะไปหักคืนจากสถาบันการเงินในสหรัฐฯ โดยผู้ฝากเงินของ SVB และ Signature จะสามารถถอนเงินได้เต็มจำนวนตั้งแต่วันจันทร์เป็นต้นไป นอกจากนี้ Fed ได้ประกาศตั้ง Bank Term Funding Program (BTFP) โดยให้ธนาคารนำพันธบัตรมาค้ำประกันในการกู้เงินได้หากเกิดปัญหาการขาดสภาพคล่อง ประเด็นที่ต้องตามต่อคือ 1.) การ trade-off ของ Fed ระหว่างเป้าหมายด้านเงินเฟ้อ การจ้างงาน กับความเสี่ยงเชิงระบบของสถาบันการเงิน
มุมมองของ KS ประเมิน คือ เป็นปัญหาเฉพาะตัวของธนาคาร ประเมินว่าจะไม่ลามเหมือนในอดีตปี 2008 โดยประเมินเป็น Sentiement ลบต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงระยะสั้น แต่เรามองบวกต่อตลาดหุ้นในเอเซีย ประเมินจากแนวโน้ม Dollar Index อ่อนค่า คาดจะเห็นเม็ดเงินไหลเข้าประเทศในกลุ่ม EM รวมถึงไทยซึ่งประเมินความเสี่ยงจำกัด ประเมิน Flow ไหลกลับมาเช่นเดียวกับกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทย : ประเมินสถานะปัจจุบันค่อนข้าง Safe คาดไม่น่ากังวลเหมือนในสหรัฐ เพราะคนฝากเงินในไทยส่วนใหญ่เป็นเงินฝากออกทรัพย์ และ Ratio สภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ไทยค่อนข้างดี Loan growth ไทยส่วนใหญ่เน้นปล่อย Corporate มากกว่า SMEs
กลุยุทธการลงทุนในช่วงที่ตลาดผันผวน โดยสัปดาห์นี้เราแนะนำนักลงทุนเน้นตั้งรับ และเลือกหุ้นปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง โดยเน้นไปที่กลุ่ม Defensive กลุ่มที่ผันผวนต่ำเป็นหลัก หุ้นแนะนำ เน้นไปที่หุ้น Defesive ในช่วงที่ตลาดผันผวน แนะนำกลุ่ม ICT คือ ADVANC, กลุ่มโรงไฟฟ้า GULF กลุ่มรถไฟฟ้า BEM
ประเด็นที่เป็นกระแสต่อการลงทุนในช่วงนี้
1.) EV Sector : ติดตามบอร์ดอีวีเตรียมที่จะนำผลการประชุมครั้งล่าสุดเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาเห็นชอบชุดมาตรการส่งเสริมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) หรือมาตรการ EV 3.5 ในวันที่ 14 มีนาคมนี้ ให้ทันก่อนยุบสภา โดยมาตรการ EV 3.5 มีขึ้นสำหรับผู้ที่ไม่ทันเข้าร่วมมาตรการ EV3 (ทั้งผู้ประกอบการ “จีน-ยุโรป-อเมริกา” ที่ตกขบวนไม่ทันข้อกำหนดเดิม) เพราะในเงื่อนไขค่ายรถ EV ที่นำเข้ามาขายก่อนต้องเริ่มผลิตชดเชยตั้งแต่ปี 2568 แต่บางคนบอกว่าไม่ทันต้องปี 2569 โดยให้ยื่นร่วมโครงการปี 2567 โดย EV 3.5 จะได้สิทธิประโยชน์น้อยลงจาก EV 3 มองเป็นบวกกับกลุ่มนิคมฯ ที่จะมีความต้องการที่ดินในนิคมเพิ่มเติม
2.) Transportation sector ติตตาม BTS เตรียมชี้แจงข่าวเรื่อง ป.ป.ช. ในวันพรุ่งนี้ ทั้งนี้เมื่อ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติแจ้งข้อกล่าวหา ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ขณะดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. และพวกรวม 13 คน กรณีว่าจ้าง บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC เดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย 3 เส้นทาง ไปจนถึงปี 2585 ซึ่งเป็นการหลีกเลี่ยงและไม่ปฏิบัติตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงาน หรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 และพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 และเอื้อประโยชน์ให้แก่ BTSC เพียงรายเดียว ตามที่องค์คณะไต่สวนเสนอ
ประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดแกว่งในกรอบ 1585 -1610 จุด หุ้นแนะนำ BGRIM (ราคาพื้นฐาน 63.5 บาท) , BE8 (ราคาพื้นฐาน 69.1 บาท)
BGRI (ราคาพื้นฐาน 63.5 บาท)
- เป็นหุ้น Defensive ในช่วงที่ตลาดผันผวน
- คาดได้ปัจจัยบวกจาก Bond Yields ที่ปรับลง
- คาดได้ปัจจัยบวกจาก เงินบาทที่กลับมาแข็งค่าระยะสั้น
BE8 (ราคาพื้นฐาน 69.1 บาท)
- ทิศทางการเติบโตของกำไรปี 2566 ที่แข็งแกร่ง
- ยอด backlog ที่แข็งแกร่งในปี 2566
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันจันทร์ ติดตามการประชุมแบบปิดแบบเร่งด่วนของเฟดเวลา 11.30 น.
- วันอังคาร ติดตาม ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ เดือน ก.พ. คาดเพิ่มขึ้น +0.4% MoM และ +6.0% YoY ตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐานของสหรัฐฯ เดือน ก.พ. คาด +0.4% MoM และ +5.5% YoY และรายงานภาวะตลาดน้ำมันประจำเดือน มี.ค. ของ OPEC
- วันพุธ ติดตาม ตัวเลข Industrial production ของจีนใน 2M23 คาด +2.6% YoY ตัวเลข Retail sales ของจีนใน 2M23 คาด +3.4% YoY ตัวเลข Fixed asset investment ของจีนใน 2M23 คาด +4% YoY ตัวเลข Retail sales ของสหรัฐฯ เดือน ก.พ. คาด -0.3% MoM ดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐฯ เดือน ก.พ. คาด +0.3% MoM ดัชนี NY Empire Manufacturing Index ของสหรัฐฯ เดือน มี.ค. คาด -7.8 จุด (เทียบเดือนก่อนหน้าที่ -5.8 จุด) ดัชนี NAHB Housing Market index ของสหรัฐฯ เดือน มี.ค. คาด flat MoM ที่ 42 จุด และปริมาณสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ รายสัปดาห์
- วันพฤหัสฯ ติดตาม ตัวเลขส่งออกของญี่ปุ่นเดือน ก.พ. คาด +7.1% YoY ดุลการค้าของญี่ปุ่น เดือน ก.พ. คาด -Y1,069bn (เทียบเดือนก่อนหน้าที่ -Y3,496bn) ตัวเลข Housing Price Index ของจีนเดือน ก.พ. คาด -0.4% YoY ตัวเลข Building Permit ของสหรัฐฯ เดือน ก.พ. คาด +0.2% MoM เป็น 1.33M ตัวเลข Housing starts ของสหรัฐฯ เดือน ก.พ. คาด +0.5% MoM เป็น 1.31M ตัวเลข Philadelphia Fed Manufacturing Index เดือน มี.ค. คาด -14.5 จุด (ดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ -24.3 จุด) ตัวเลข Initial Jobless Claim ของสหรัฐฯ รายสัปดาห์ คาด 205K (เทียบสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 211K) การประชุมธนาคารกลางยุโรปคาดปรับขึ้นดอกเบี้ย Deposit Facility Rate ขึ้น 50bps. เป็น 3% ประมาณการเศรษฐกิจยุโรปของ ECB และถ้อยแถลงของ ECB Lagarde
- วันศุกร์ ติดตามตัวเลข Industrial Production ของสหรัฐฯ เดือน ก.พ. คาด +0.4% MoM ตัวเลข Michigan Consumer Sentiment ของสหรัฐฯ เดือน มี.ค. คาด flat MoM ที่ 67 จุด และ Michigan 5Y Inflation expectation ของสหรัฐฯ เดือน มี.ค. คาด 2.9% (ทรงตัว MoM)