บล.บัวหลวง:
(Khon Kaen Sugar Industry KSL TB/KSL.BK)
KSL – สูงกว่าคาด; คาดกำไรหลักไตรมาส 2/66 เติบโตก้าวกระโดด YoY
สูงกว่าที่เราคาดอย่างมาก
KSL รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/66 (1 พ.ย. 65-31 ม.ค. 66) ที่ 538 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62% YoY และ 869% QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษในไตรมาส 1/66 ซึ่งได้แก่ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 28 ล้านบาท บริษัทรายงานเป็นกำไรหลัก ที่ 566 ล้านบาท สำหรับในไตรมาสนี้ เพิ่มขึ้น 62% YoY และพลิกกลับ QoQ จากขาดทุนหลัก 13 ล้านบาทในไตรมาส 4/65 กำไรสุทธิและกำไรหลักสูงกว่าที่เราคาดคิดเป็น 63% และ 62% ตามลำดับเนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่าที่เราคาดอย่างมาก ยอดขายเป็นไปตามคาด ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาสนี้อยู่ที่ 26.1% ซึ่งสูงกว่าที่เราคาดก่อนหน้าที่ 18.7% เนื่องจากราคาขายทั้งธุรกิจน้ำตาลและธุรกิจไฟฟ้าที่สูงกว่าที่เราคาดก่อนหน้า กำไรหลังหักภาษีมากกว่าที่เราคาด 58%
ประเด็นสําคัญจากผลประกอบการ
กําไรหลักที่เติบโตก้าวกระโดด YoY ได้รับปัจจัยหนุนจากยอดขายธุรกิจน้ำตาล และธุรกิจไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น อัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด (จากราคาขายของธุรกิจน้ำตาลและธุรกิจไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น) และค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานที่ลดลง (เช่น ค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงรักษา ค่าใช้จ่ายด้านพนักงาน และต้นทุนค่าอ้อย) วอลุ่มขายน้ำตาลในประเทศไทยของ KSL อยู่ที่ 1.53 แสนตัน ในไตรมาส 1/66 (ลดลง 2% YoY แต่เพิ่มขึ้น 28% QoQ) โดยวอลุ่มส่งออกน้ำตาลในไตรมาสนี้อยู่ที่ 9.89 หมื่นต้น (ลดลง 18% YoY จากการส่งมอบที่ล่าช้า แต่เพิ่มขึ้น 12% QoQ) วอลุ่มขายน้ำตาลรวม (ซึ่งรวมวอลุ่มขายน้ำตาลในต่างประเทศด้วย) ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 1.56 แสนต้น ลดลง 1% YoY แต่เพิ่มขึ้น 19% QoQ ราคาขายน้ำตาลเฉลี่ยของประเทศไทยอยู่ที่ 18,743 บาท/ตัน เพิ่มขึ้น 13% YoY (โดยมีปัจจัยหนุนมาจากราคาส่งออกที่ปรับเพิ่มขึ้น) แต่ลดลง 4% QoQ ยอดขายธุรกิจน้ำตาลและกากน้ำตาลในไตรมาสนี้อยู่ที่ 3.12 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6%YoY และ 10%QoQ ในขณะที่ยอดขายธุรกิจไฟฟ้าในไตรมาสนี้อยู่ที่ 358 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% YoY และ 19% QoQ วอลุ่มขายไฟฟ้าในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น 1% YoY ไปอยู่ที่ 89,994 เมกะวัตต์-ชั่วโมง (จากการทําสัญญาไฟฟ้าใหม่) ในขณะที่ราคาขายไฟฟ้าเฉลี่ยในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น 21% YoY และ 9% QoQ ไปอยู่ที่ 3,843 บาท/เมกะวัตต์-ชั่วโมง (เนื่องจากค่า Ft ที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง) กำไรขั้นต้นของธุรกิจไฟฟ้าในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น 253% YoY ในขณะที่กำไรขั้นต้นของธุรกิจนํ้าตาลและกากนํ้าตาลในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น 19% YoY
แนวโน้ม
เราคาดกําไรหลักไตรมาส 2/66 (1 ก.พ.-30 เม.ย. 66) ที่ 500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% YoY โดยมีปัจจัยหนุนจากราคาขายเฉลี่ยของทั้งธุรกิจน้ำตาล และธุรกิจไฟฟ้าที่ปรับเพิ่มขึ้น ราคาน้ำตาลโลกเฉลี่ยตั้งแต่ต้นไตรมาส 2/66 จนถึงปัจจุบัน (1 ก.พ.-10 มี.ค. 56) อยู่ที่ 21.25 เซนต์/ปอนด์ เพิ่มขึ้น 12% YoY และ 7% QoQ และสําหรับในไตรมาส 2/66 เราคาดราคาขายนํ้าตาลเฉลี่ยของ KSL มีแนวโน้มอยู่ที่ 18,000 บาท/ตัน เพิ่มขึ้น 7% YoY และราคาขายไฟฟ้าเฉลี่ยของ KSL มีแนวโน้มอยู่ที่ 3,800 บาท/เมกะวัตต์-ชั่วโมง เพิ่มขึ้น 16% YoY การส่งมอบน้ำตาลที่ล่าช้าจากไตรมาส 1/66 ไปเป็นไตรมาส 2/66 จะส่งผลให้วอลุ่มขายน้ำตาลในไตรมาส 2/66 มีแนวโน้ม เพิ่มขึ้นประมาณ 15-20% QoQ
ราคาน้ำตาลโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 ปีที่ 22.09 เซนต์/ปอนด์ เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 66 ก่อนที่จะย่อตัวลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 21.16 เซนต์/ปอนด์เมื่อวันที่ 10 มี.ค. หลังจากที่สมาคมโรงงานน้ำตาล อินเดียได้ออกมาทำการปรับลดผลผลิตน้ำตาลของประเทศอินเดียลงจากเดิม (จาก 36.5 ล้านต้นในประมาณการก่อนหน้าในเดือนต.ค. และ 35.8 ล้านตันสำหรับในปี 2564/65 เหลือ 34 ล้านต้นสําหรับในปี 2565/66) เนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย ซึ่งส่งผลให้วอลุ่มส่งออกน้ำตาลของประเทศอินเดียมีแนวโน้มลดลงจาก 9 ล้านตัน (ในรายงานก่อนหน้าในเดือนต.ค.) เหลือ 6.1 ล้านตัน และเนื่องจากโอกาสของการเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญ่ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจาก 0% ในไตรมาส 1/66 ไปเป็น 60% ในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 เราจึงมองว่ามีโอกาสสูงมากที่ราคาน้ำตาลโลกจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการคาดการณ์ผลผลิตอ้อยที่มีแนวโน้มลดลงในประเทศอินเดียและประเทศไทยสำหรับในปี 2566/67 ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นจากภัยแล้งของทั้งสองประเทศ
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป
เราทำการปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 เพิ่มขึ้นอีก 11% (ไปเป็น 1.54 พันล้านบาท) เพื่อสะท้อนอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับเพิ่มขึ้น (จาก 16.6% ไปเป็น 17.9%) ราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2566 ที่อิงด้วยวิธี PER ปรับเพิ่มขึ้นอีก 6% (ไปเป็น 5.30 บาท) ซึ่งอิงกับ PER ที่ 15.2 เท่า
คําแนะนํา
เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” เนื่องจากราคาน้ำตาลโลกที่คาดว่าจะยังคงทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง ในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2567 ซึ่งจะได้รับปัจจัยหนุนจากปรากฏการณ์เอลนีโญ่ และอัตราการเติบโตของกำไรปี 2566 ที่ยังคงแข็งแกร่ง