KS Daily View 15.03.2023 >>> เงินเฟ้อสหรัฐ เดือน ก.พ. 6% หนุนหุ้นโลก/ Tech/ Growth ฟื้นตัว SET คาด Rebound แกว่งในกรอบ 1,515 – 1,550 จุด หุ้นแนะนำวันนี้ KLINIQ
สรุปตลาดหุ้นเมื่อวาน
ในประเทศ : SET Index วานนี้ปรับตัวลงแรง ปิดที่ 1,523.89 จุด (-3.13% DoD) โดยหุ้นที่ปรับตัวลงแรง ได้แก่ DELTA (-4.5% DoD), GULF(-3.9% DoD), CPALL(-3.6%DoD), PTT(-2.5% DoD) เป็นต้น ส่วนหุ้นที่ปรับขึ้นแรงคือ PRIN (+7.14%DoD), SINGER (+2.55%DoD), JMT (+2.44%DoD) ฯลฯ
ต่างประเทศ : ดัชนี Dow Jones 1.06% DoD, ดัชนี S&P500 1.65% DoD, NASDAQ +2.14% โดย Sector ในดัชนี S&P500 กลับมา Rebound ขึ้นทุก Sector โดยกลุ่มที่ Outperform คือ Communication Services (+2.75%), IT (+2.3%), Financials (+1.89%), Consumer Discretionary (+1.71%) ส่วนกลุ่มที่ Underperform คือ Consumer Staples 0.80%, Real Estate 0.84%, และ Health Care -0.88% ฯลฯ โดยปัจจัยที่หนุนตลาดหุ้นฟื้นตัวมาจากสหรัฐรายงานตัวเลขอัตราเงินเฟ้อ เดือน ก.พ. ออกมาเท่ากับที่ตลาดคาดที่ 6.0%YoY โดยเงินเฟ้อในฝั่งสินค้ากดตัวลงอย่างต่อเนื่องเหลือเพียง 1.03%, ราคารถยนต์มือสองปรับตัวลงมาทำระดับต่ำสุดในรอบหนึ่งปี (-13.6%) สวนทางเงินเฟ้อบริการที่ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 7.26% อย่างไรก็ตามหากเราวัดดัชนีเงินเฟ้อที่ประธาน Fed Powell ใช้เป็นตัวอ้างอิงนั่นคือ Core Service Ex-Shelter พบว่าอ่อนตัวลงมาจากเดือนก่อนหน้าที่ 6.14%
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ ภายหลังจากที่รายงานเงินเฟ้อพบว่าตลาดให้น้ำหนักสูงกว่า 80% ในการขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25bps ในการประชุมรอบ มี.ค. ในขณะที่ Terminal rate ปรับตัวขึ้นจาก 4.9% เป็น 5.1% สะท้อนว่า Fed อาจขึ้นดอกเบี้ยอีกไม่ต่ำกว่า 50bps(25bps และ 25bps) ภายหลังเงินเฟ้อบริการยังอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตามตลาด Fed Fund Future ยังมีความไม่แน่นอนสูงภายหลังเริ่มเห็นผลกระทบของดอกเบี้ยในระดับสูงต่อการสถาบันการเงินในสหรัฐ(SVB) ดังนั้นมุมมองในระยะสั้นเราอาจเห็นการ Rebound ของ SET Index ขึ้นมาแกว่งในกรอบ 1555-1585 จุด แต่ในระยะกลางยังต้องติดตามประเด็นดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
ประเด็นที่ต้องตามต่อ
1.) ธนาคารเวียดนาม ล่าสุด มีการประกาศตัดลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 1% อยู่ที่ 3.5% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเวียดนาม KS มองว่าปัจจัยดังกล่าวจะเป็นบวกโดยตรงกับภาคธุรกิจ และคาดจะเห็นผลบวก spillover ไปยังภาคการบริโภคในลำดับถัดไป โดยหุ้นที่ได้ประโยชน์หลักคือ AMATA, CRC, SNNP เป็นต้น นอกจากนี้มองว่าดอกเบี้ยที่ลดลงเท่ากับว่าผลตอบแทนจากตลาดหุ้นเวียดนามจะมีความน่าสนใจมากขึ้นโดยเปรียบเทียบ ทำให้คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวของตลาดหุ้นเวียดนาม
2.) ติดตามตลาดหลักทรัพย์เตรียมจะหารือกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เพื่อที่จะผลักดันกองทุน LTF กลับมาอีกครั้ง ดร.ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือตลท. เปิดเผยผ่าน นสพ. ทันหุ้นว่า ตลาดหลักทรัพย์เตรียมจะหารือกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เพื่อที่จะผลักดันกองทุน LTF กลับมาอีกครั้งเพราะช่วงที่ผ่านมากำลังซื้อของกลุ่มกองทุนลดลง ทั้งๆ ที่ตลาดหุ้นลงมาเป็นโอกาสเข้าลงทุนในระยะยาว ซึ่งเม็ดเงินเหล่านี้หายไปเยอะ เนื่องจากไม่มีการสนับสนุนจากทางภาครัฐ ดังนั้นตลท. จะร่วมกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เพื่อหารือกับภาครัฐในเรื่องดังกล่าว
หุ้นกลุ่มที่คาดเป็นกระแสในวันนี้
1.) กลุ่ม Upstream อาทิ PTTEP, PTT คาดราคาหุ้นวันนี้จะถูกกดดันจาก ราคาน้ำมันดิบ NYMEX -4.64%DoD ปิดที่ US$71.33/barrel ในทางตรงข้ามกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันปรับลง คือ กลุ่ม Anti commodity อาทิ SCGP, PTG, OR
2.) กลุ่มประกันชีวิต อาทิ BLA, TLI คาดได้แรงหนุนจาก Bond yields ที่ Rebound ขึ้นมา อิง Bond yields อายุ 2 ปีและ 10 ปี ปรับขึ้นมาที่ 4.28% และ 3.68% ตามลำดับ
3.) กลุ่มเรือเทกอง อาทิ PSL, TTA คาดได้กระแสบวกตามดัชนีค่าระวางเรือ BDI +8.33%DoD ปิดที่ 1587 จุด
4.) กลุ่ม High Quality Growth เช่น KLINIQ, BE8, SNNP คาดมีปัจจัยบวกหนุนตามหุ้น Growth และหุ้น Tech สหรัฐที่ Rebound หลังเงินเฟ้อสหรัฐออกมา In-line
5.) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างและกลุ่มขนส่งทางราง BEM, CK, SEAFCO, PYLON คาดมี sentiment ลบ จากประเด็นนายกรัฐมนตรีสั่งถอนวาระสายสีส้ม หลังหารือนานกว่า 1 ชม. เนื่องจากยังมีหลายฝ่ายไม่เห็นด้วย เพราะยังมีคำร้องที่ต้องรอศาสปกครอง รวมถึง ป.ป.ช. ที่รอการตัดสิน
ประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดแกว่งในกรอบ 1,515 – 1,550 จุด หุ้นแนะนำ KLINIQ
Top pick : KLINIQ (ราคาพื้นฐาน 48.1 บาท)
1.) บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2566 ที่ 2 พันลบ. เพิ่มขึ้น 22% YoY ด้วยอัตรากำไรสุทธิที่ 13% เพิ่มขึ้นจาก 12.5% ในปี 2565 KLINIQ จะยังคงขยายสาขาอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับอุปสงค์ลูกค้าไทยและลูกค้าต่างประเทศ ในการดูแลสุขภาพ ความงามและเวลเนส ขณะเดียวกัน ผู้บริหารพยายามที่จะลดต้นทุนเพื่อเพิ่มอัตรากำไร อีกทั้งกำลังมองหาการลงทุนใหม่ซึ่งคาดจะช่วยเพิ่ม upside risk ต่อมูลค่าหุ้นของเรา
2.) ประเมินหุ้น High Quality Growth เช่น KLINIQ, มีปัจจัยบวกหนุนตามหุ้น Growth และหุ้น Tech สหรัฐที่ Rebound หลังเงินเฟ้อสหรัฐออกมา In-line
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันพุธ ติดตาม ตัวเลข Industrial production ของจีนใน 2M23 คาด +2.6% YoY ตัวเลข Retail sales ของจีนใน 2M23 คาด +3.4% YoY ตัวเลข Fixed asset investment ของจีนใน 2M23 คาด +4% YoY ตัวเลข Retail sales ของสหรัฐฯ เดือน ก.พ. คาด -0.3% MoM ดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐฯ เดือน ก.พ. คาด +0.3% MoM ดัชนี NY Empire Manufacturing Index ของสหรัฐฯ เดือน มี.ค. คาด -7.8 จุด (เทียบเดือนก่อนหน้าที่ -5.8 จุด) ดัชนี NAHB Housing Market index ของสหรัฐฯ เดือน มี.ค. คาด flat MoM ที่ 42 จุด และปริมาณสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ รายสัปดาห์
- วันพฤหัสฯ ติดตาม ตัวเลขส่งออกของญี่ปุ่นเดือน ก.พ. คาด +7.1% YoY ดุลการค้าของญี่ปุ่น เดือน ก.พ. คาด -Y1,069bn (เทียบเดือนก่อนหน้าที่ -Y3,496bn) ตัวเลข Housing Price Index ของจีนเดือน ก.พ. คาด -0.4% YoY ตัวเลข Building Permit ของสหรัฐฯ เดือน ก.พ. คาด +0.2% MoM เป็น 1.33M ตัวเลข Housing starts ของสหรัฐฯ เดือน ก.พ. คาด +0.5% MoM เป็น 1.31M ตัวเลข Philadelphia Fed Manufacturing Index เดือน มี.ค. คาด -14.5 จุด (ดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ -24.3 จุด) ตัวเลข Initial Jobless Claim ของสหรัฐฯ รายสัปดาห์ คาด 205K (เทียบสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 211K) การประชุมธนาคารกลางยุโรปคาดปรับขึ้นดอกเบี้ย Deposit Facility Rate ขึ้น 50bps. เป็น 3% ประมาณการเศรษฐกิจยุโรปของ ECB และถ้อยแถลงของ ECB Lagarde
- วันศุกร์ ติดตามตัวเลข Industrial Production ของสหรัฐฯ เดือน ก.พ. คาด +0.4% MoM ตัวเลข Michigan Consumer Sentiment ของสหรัฐฯ เดือน มี.ค. คาด flat MoM ที่ 67 จุด และ Michigan 5Y Inflation expectation ของสหรัฐฯ เดือน มี.ค. คาด 2.9% (ทรงตัว MoM)