Daily Focus: Maintain Domestic and Defensive Play

2023SET Target: 1750

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ฟื้นตัวได้ตามตลาดหุ้นทั่วโลก และแข็งแกร่งกว่าที่ประเมิน ปิดบวกถึง 41.11 จุด หลังจากร่วงแรงเกือบ 50 จุดในวันก่อนหน้า ด้านมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ราว 7 หมื่นลบ. บางลงจากวันก่อนหน้าที่หนาแน่นกว่า 1 แสนลบ. สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติพลิกมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 1.6 พันลบ. และ 1 พันลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติพลิกมา Long Index Futures เร่งขึ้นเป็น 6.1 หมื่นสัญญา ทยอยปิดสถานะ Short ก่อนหน้า)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะอ่อนตัวลงสู่ระดับ 1,550+- จุด หลังจาก Rebound แรงเมื่อวาน ตลาดยังคงถูกกดดันจากความเสี่ยงภาคการเงินในฝั่งสหรัฐฯ และยุโรป โดยล่าสุด Credit Suisse เสี่ยงที่จะเป็นรายล่าสุดที่เผชิญปัญหาสภาพคล่องและเงินทุน โดย Saudi National Bank ระบุว่าจะไม่เพิ่มเงินลงทุนแล้ว ขณะที่ Swiss National Bank ระบุว่าจะเตรียมสภาพคล่องสำหรับช่วยเหลือหากจำเป็น เม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงและเข้าซื้อพันธบัตรและทองคำอีกครั้งเพื่อลดความเสี่ยง วันนี้ตลาดคาด ECB จะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.5% ส่วนการประชุม FED สัปดาห์หน้าตลาดให้ความน่าจะเป็นราว 50:50 ที่จะคงดอกเบี้ยหรือขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ความเสี่ยงถัดไปคือการชะลอตัวของเศรษฐกิจว่าจะรุนแรงมากน้อยเพียงใด เรายังมองปัจจัยพื้นฐานในประเทศมีความเสี่ยงที่ต่ำกว่า หนุนจากภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัว รวมถึงการบริโภคที่คาดดีขึ้น โดยเฉพาะระยะสั้นจากแรงหนุนจากการหาเสียงเลือกตั้ง กรณีไม่เกิดปัญหาลุกลามในภาคการเงินและเป็นวิกฤต เรามองการปรับฐานของดัชนีสู่ระดับแนวรับหลัก 1,520+- จุด น่าสนใจในการทยอยสะสมหุ้นพื้นฐาน ยังคงเน้นหุ้น Domestic Play มากกว่า Global Play

กลยุทธ์ : ทยอยสะสมหุ้นเพิ่ม หลังปรับฐานแรงสู่แนวรับหลัก 1,520+- จุด ยังเน้นหุ้น Domestic Play

หุ้นเด่นเดือน มี.ค. : ASW, BEYOND, CPN, M, NSL

หุ้นเด่นวันนี้ : BDMS

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 34.50 บาท
  • แนวโน้มกำไร 1Q23 คาดเติบโตต่อเนื่อง q-q หนุนจากผู้ป่วยต่างชาติ Fly-in ที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดรายได้ 1QTD +6% y-y ส่วนภาพทั้งปี 2023 ผู้บริหารมองรายได้โต 6-8% Y-Y แม้ฐานสูง แต่ได้แรงหนุนจากจีนและซาอุฯ ที่เร่งตัว
  • เราคาดกำไรปี 2023 +7% y-y และมี Upside หาก EBITDA Margin ทำได้ดีกว่าคาด และเป็นหุ้นที่คาดเคลื่อนไหวได้แข็งแรงกว่าตลาดในภาวะที่ผันผวนปัจจุบัน
  • แนวรับ 27.50-27 บาท แนวต้าน 28.50//30 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนผสมผสาน โดยรวมพลิกมาไหลเข้าภูมิภาคได้บางๆ US$51 ล้าน เม็ดเงินไหลเข้าเกาหลีใต้ US$215 ล้าน และเข้าอาเซียนที่อินโดนีเซียและไทย ส่วนประเทศที่ไหลออก คือ ไต้หวัน US$198 ล้าน รวมถึงฟิลิปปินส์ แนวโน้มของกระแสเงินทุนมีโอกาสพลิกมาไหลออกอีกครั้ง จากความกังวลวิกฤตภาคธนาคารหลัง Credit Suisse เผชิญปัญหาสภาพคล่องและเงินทุน

ประเด็นสําคัญวันนี้

(0) เงินเฟ้อ PPI สหรัฐฯ ต่ำกว่าคาด สำหรับเดือน ก.พ. PPI -0.1% m-m, +4.6% y-y ส่วน Core PPI Flat m-m, +4.4% y-y โดยรวมต่ำกว่าที่ตลาดคาด สะท้อนแรงกดดันด้านต้นทุนที่ลดลง รวมถึงการส่งผ่านด้านราคา  อย่างไรก็ตาม ยอดค้าปลีกเดือน ก.พ. -0.4% m-m และไม่รวมยานยนต์ -0.1% m-m ชะลอตัวใกล้เคียงคาด จับตาการประชุม FED สัปดาห์หน้าว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยหรือยังขยับขึ้นอีก 0.25% โดยเฉพาะหลังมีความไม่แน่นอนในภาคการเงิน ทั้งสหรัฐฯ และยุโรป

(-) ONEE โทนการประชุมเป็นลบ ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 2023 โตเพียง 3-5% y-y ต่ำกว่าเราและตลาดคาดอย่างมีนัยยะที่ 10% y-y จากเม็ดเงินโฆษณาที่อ่อนแอ โดยเฉพาะในช่วง ม.ค.-ก.พ. 23 ที่ผ่านมาจากความไม่แน่นอนกดดันธุรกิจทีวี ส่วนรายได้ลิขสิทธิ์คาดชะลองจากงบประมาณด้าน Content ที่อ่อนแอ เรามีแนวโน้มปรับลดประมาณการและราคาเป้าหมายลงจากปัจจุบันที่ 9.50 บาท เรายังไม่ชอบกลุ่มสื่อทีวี ยังมองสื่อนอกบ้านแข็งแรงกว่า

(+) MAKRO เรามีมุมมองเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานปี 2023 จาก SSSG ของทั้ง Makro และ Lotus’s ที่คาดบวก High Single Digit รวมถึงการขยายสาขาทั้งในและต่างประเทศ และได้อานิสงส์จากเศรษฐกิจในประเทศที่ทยอยฟื้นตัว โดยเฉพาะการบริโภค รวมถึงคาดหวังว่าจะเห็น Synergy ของทั้ง 2 แบรนด์ที่ต่อเนื่องหลังปีก่อนรับรู้แล้วมูลค่าราว 1.5 พันลบ.และคาดปีนี้จะรับรู้อีก 1.2 พันลบ. นอกจากนี้ยังมีแผนปรับโครงสร้างทางการเงินโดยการแปลงหนี้สกุลดอลลาร์เป็นบาท เราคาดกำไรปี 2023-2025 +28% CAGR และประเมินราคาเป้าหมาย 46 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(0) M เรายังมองกำไรปี 2023 จะฟื้นตัวได้หลังผ่านจุดต่ำสุดในปี 2021 แต่การฟื้นตัวอาจช้า กว่าที่เคยคาด เพราะต้นทุนวัตถุดิบปรับลงช้ากว่าคาด จากการล็อกราคาเป็ดและหมูยาวถึงสิ้นปี (ต้นทุนเป็ดและหมูคิดเป็น 40% ของต้นทุนทั้งหมด) และระยะสั้นยังถูกกดดันจากค่าไฟที่ปรับขึ้น คาดกำไร 1Q23 จะฟื้นตัว +29% q-q, +53% y-y จาก SSSG 1QTD ที่บวก 14-15% y-y สำหรับ M และ Yayoi ปรับขึ้นราคาอาหารชดเชยต้นทุนที่สูงขึ้น และยังมองกำไรมีแนวโน้มเป็นขาขึ้นต่อใน 2Q23 และ 2H23 และมีแผนขยายแหลมเจริญไปยังมาเลเซียผ่าน JV อย่างไรก็ตาม เรามีแนวโน้มปรับลดประมาณกำไรและราคาเป้าหมายลงจาก 66 บาท ลงมาในกรอบ 57-60 บาท ยังแนะน่าซื้อลงทุน

 

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 280.83 จุด หรือ -0.87% ปิดที่ 31,874.57 จุด จากความกังวลสถานะการเงินของธนาคารเครดิต สวิส

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ จากความกังวลสถานะการเงินของธนาคารเครดิต สวิส

(-) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดลบ จากความกังวลสถานะการเงินของธนาคารเครดิต สวิส

(0) ค่าเงินบาท ทรงตัว อยู่ที่บริเวณ 34.53 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 3.72 ดอลลาร์ หรือ 5.2% ปิดที่ 67.61 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลเกี่ยวกับสถานะการของธนาคารเครดิต สวิส รวมถึง EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล สูงกว่าที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 100,000 บาร์เรล ในขณะที่เช้านี้รีบาวน์ที่ระดับ 68.40 ดอลลาร์/บาร์เรล +1.17%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 20.40 ดอลลาร์ หรือ 1.07% ปิดที่ 1,931.30 ดอลลาร์/ออนซ์ จากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยจากสถานะการของภาคธนาคารทั้งในฝั่งสหรัฐและยุโรป ในขณะที่เช้านี้ย่อตัวลงที่ระดับ 1,913.6 ดอลลาร์/ออนซ์ -0.92%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 914.72 / +1.45

- Advertisement -