บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง: 

Krung Thai Bank (KTB TB) คาด NIM และต้นทุนสินเชื่อเพิ่มขึ้น

เพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 19 บาท

เรามั่นใจว่าส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ของ KTB จะเพิ่มสูงขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ขณะที่ต้นทุนความเสี่ยงจากการให้สินเชื่อ (credit cost) คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเช่นกันเนื่องจาก KTB มีแผนที่จะเปลี่ยนจากการมุ่งเน้นสินเชื่อภาครัฐไปมุ่งเน้นที่สินเชื่อรายย่อยมากขึ้น ทว่า NIM ก็น่าจะเพิ่มขึ้นด้วยเพื่อหนุนกำไร เราปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 19 บาท (P/BV ปี 66 ที่ 0.7 เท่า, ROE 8.5%) เนื่องจากอาจมีอัพไซด์เพิ่มขึ้นหลังจากราคาหุ้นลดลง 7% YTD เรามองว่าราคาหุ้นอยู่ในจุดที่น่าสนใจโดยซื้อขายที่ PBV ปี 66 ที่ 0.6 เท่า และ PER 6.8 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารที่ PBV ปี 66 อยู่ที่ 0.8 เท่า และ PER 7.8 เท่า ความเสี่ยงหลักคือคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าคาด

ตั้งเป้าสินเชื่อรายย่อยโตหนุน NIM ปี 66 เติบโต

ในการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวานนี้ CEO ตั้งเป้าสินเชื่อปีนี้เติบโต 3-5% และรายได้ค่าธรรมเนียมเติบโต 1-3% โดย ผบห. เผยว่าธนาคารวางแผนที่จะเพิ่ม NIM ขึ้นอีก 20bps YoY เป็น 2.8% โดยเปลี่ยนสัดส่วนจากสินเชื่อภาครัฐที่ให้ผลตอบแทนต่ำไปมุ่งเน้นที่สินเชื่อรายย่อยมากขึ้น นอกจากนี้ ธนาคารยังวางแผนที่จะเพิ่มค่าธรรมเนียมจากการบริหารความมั่งคั่ง เช่น การขายประกันผ่านธนาคารและกองทุนรวม เป็นต้น ในส่วนของค่าใช้จ่าย KTB จะควบคุมอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (CIR) ไว้ที่ 43-44% ในปี 66 และจะให้ลดลงเหลือ 42% ในอีก 3 ปีข้างหน้า เราเชื่อว่า CIR ที่ลดลงน่าจะมาจากรายได้ที่สูงขึ้นมากกว่าลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน Opex ลง ซึ่งเรามองว่าธนาคารไม่น่าจะลด apex ลงได้อีก เนื่องจากธนาคารได้ปรับลดจำนวนพนักงานและสาขาไปแล้วในช่วงที่ผ่านมา

ต้นทุนสินเชื่อเพิ่มจากฐานต่ำ NPL Coverage ทรงตัวในระดับสูง จากการที่ KTB จะหันมาเน้นปล่อยสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้นในปี 2566 ทางผู้บริหารจึงคาดว่า Credit cost จะต้องเพิ่มขึ้นตามไปด้วย แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยตัวเลขอย่างเป็นทางการ เราคาดว่า Credit cost จะเพิ่มขึ้นเป็น 105bps ในปีนี้จาก 93bps ในปีที่แล้ว ในแง่คุณภาพ สินทรัพย์ NPL Ratio น่าจะอยู่ต่ำกว่า 3.5% ในปีนี้ จาก 3.26% ในปี 65 ขณะที่ NPL Coverage จะอยู่ที่ระดับ 170% ในปีนี้ จาก 180% ในปี 65 โดยรวมแล้ว เราไม่กังวลในประเด็นคุณภาพสินทรัพย์นักเนื่องจาก 40% ของสินเชื่อรวมเป็นสินเชื่อภาครัฐที่มีความเสี่ยงต่ำและเป็นสินเชื่อที่ปล่อยให้กับข้าราชการ

มีแผนสร้างรายได้จากข้อมูลจากแพลตฟอร์มดิจิทัล

KTB ตั้งเป้าขยายพอร์ตสินเชื่อดิจิทัลที่ไม่มีหลักประกันเพิ่มเป็น 2 เท่า แตะระดับ 100 ล้านบาทในปี 66 จาก 50 ล้านบาทในปี 65 เนื่องจากความสามารถในการทำกำไรค่อนข้างสูง โดย มี Loan Yield ที่ 20% และ NPL Ratio 2% นอกจากนี้ ธนาคารยังมีแผนที่จะขายผลิตภัณฑ์บริหารความมั่งคั่งผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล (ผู้ใช้ 40 ล้านคนในแอปเป้าตั้งของ KTB) เรายังคงประมาณการกำไรปี 66-67 ไม่เปลี่ยนแปลง และคาดว่ากำไรจะเติบโต 1-8% YoY ขณะที่ NIM คาดจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น

- Advertisement -