Daily Focus: Maintain Domestic Play

2023SET Target: 1750

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ในช่วงครึ่งเช้า ก่อนที่จะมีแรงเทขายหนาแน่นช่วงบ่ายออกมากดดันจากประเด็นการ Write Down AT1 มูลค่า US$1.7 หมื่นล้าน ของ Credit Suisse อย่างไรก็ตาม ยังพอมีแรงซื้อกลับเข้ามาประคองช่วงท้ายตลลาด หนุนดัชนีลดช่วงลบเหลือ 8.22 จุด ณ สิ้นวัน สถาบันในประเทศซื้อสุทธิในตลาดหุ้นบางๆ 154 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิหนาแน่นและเร่งขึ้นเป็น 3.5 พันลบ. (ต่างชาติ Short Index Futures 8.8 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่ง Sideways Up ในกรอบ 1,550-1,670 จุด ฟื้นตัวตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปได้ หลังแรงกดดันในภาคการเงินของยุโรปที่เริ่มผ่อนคลายลงบ้างสำหรับดีล UBS ที่เข้าซื้อกิจการ Credit Suisse ด้วยวงเงิน US$3.23 พันล้าน ส่วนประเด็นการ Write Down AT1 ของ CS อาจยังสร้างผันผวนต่อตลาด AT1 ของโลกที่มีมูลค่ารวมราว US$2.75 แสนล้าน อีกระยะความเสี่ยงที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญสัปดาห์นี้อยู่ที่การประชุม FED วันที่ 21-22 มี.ค. ซึ่งนอกเหนือจากที่ตลาดประเมินปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 4.75-5% ยังต้องติดตามถ้อยแถลงมุมมองเศรษฐกิจและทิศทางดอกเบี้ยจาก Dot Plot ว่ากรรมการส่วนใหญ่มอง Peak Rate ที่ระดับใด ส่วนปัจจัยในประเทศเรื่องการยุบสภา เรามองเป็นบวกต่อการบริโภคและเศรษฐกิจในระยะสั้น โดยรวมปัจจัยต่างประเทศยังมีความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัวหรือเกิด Recession มากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากมีปัญหาในภาคการเงิน ขณะที่เศรษฐกิจไทยดูมีเสถียรภาพมากกว่า และยังมีแรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัว เรามองการปรับฐานของดัชนีสู่ระดับแนวรับหลัก 1,520+- จุด ยังเป็นระดับที่น่าสนใจในการทยอยสะสมหุ้นพื้นฐาน ยังคงเน้นหุ้น Domestic/Reopening Play มากกว่า Global Play

กลยุทธ์ : ทยอยสะสมหุ้นเพิ่มหลังปรับฐานแรงสู่แนวรับหลัก 1,520+- จุด ยังเน้นหุ้น Domestic Play

หุ้นเด่นเดือน มี.ค. : ASW, BEYOND, CPN, M, NSL

หุ้นเด่นวันนี้ : CPALL

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก IAA Consensus 74.13 บาท
  • โมเมนตัมกำไร 1Q23 คาดฟื้นตัว q-q ตาม SSSG ที่ปรับขึ้นทั้ง CPALL รวมถึง MAKRO รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านพนักงานที่ลดลง q-q ขณะที่ค่าไฟขยับขึ้นจากการปรับขึ้นค่า Ft งวด ม.ค.-เม.ย. 23 ของภาคธุรกิจ
  • ระยะสั้นเรามองจะมี Catalyst หนุนจากการยุบสภาเดินหน้าสู่ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งคาดช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายในระยะสั้น รวมถึงโอกาสปรับลดค่า Ft ภาคธุรกิจรอบเดือน พ.ค.-ส.ค. 23 เป็นบวกต่อทั้งฝั่งรายได้และ Margin Consensus คาดกำไรปี 2023 +28% y-y
  • แนวรับ 60 บาท แนวต้าน 63-63.50 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนยังผันผวนและผสมผสาน โดยภาพรวมทั้งภูมิภาคทรงตัว เม็ดเงินไหลเข้าไต้หวัน US$340 ล้าน แต่ไหลออกจากเกาหลีใต้ 184 ลบ. ส่วนอาเซียนเม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกเกือบทุกประเทศ นำโดยไทย US$102 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดมีโอกาสไหลเข้าหนาแน่นขึ้น หลังธนาคารกลางต่างๆ ออกมาเน้นย้ำถึงความแข็งแกร่งของภาคธนาคารทั้งในสหรัฐฯ และยุโรป ทั้งด้านสภาพคล่องและฐานทุน

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) ยุบสภาแล้วมีผลวานนี้ ส่วนการเลือกตั้งเบื้องต้นคาดว่าจะขยับจากกำหนดการเดิมวันที่ 7 พ.ค. 23 เป็นวันที่ 14 พ.ค. 23 เราประเมินว่าจะเป็น Catalyst บวกระยะสั้นสำหรับกลุ่ม Domestic Play จากเม็ดเงินที่จะสะพัดในช่วงหาเสียงช่วยกระตุ้นการจับต่ายใช้สอย เรามองกลุ่มที่ได้ประโยชน์คือ ค้าปลีก อาหารและเครื่องดื่ม ไฟแนนซ์ อย่างเช่น CPALL MAKRO BJC OSP CBG SAWAD MTC เป็นต้น รวมถึง TKS ที่ได้ Sentiment บวกจากโอกาสได้งานพิมพ์บัตรเลือกตั้ง

(+) BCH ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ที่ไม่รวม COVID-19 +20% y-y และตั้งเป้ารายได้รวมปี 2023 ที่ 1.27-1.3 หมื่นลบ. ใกล้เคียงกับที่เราประเมิน หนุนจากรายได้ต่างชาติที่เร่งตัว ขณะที่รายได้ประกันสังคมคาดได้แรงหนุนจากโอกาสที่สปส.จะปรับเพิ่มค่าหัวราว 9-10% ในเดือน เม.ย. และทดลองปรับเพิ่มเงิน 5 หัตถการจาก 12,000 บาทเป็น 15,000 บาท ต่อ RW ในช่วง 1H23 เราประเมินว่าจะเป็นบวกต่อกำไรสุทธิราว 12% ต่อปี บริษัทวางแผนเปิดโรงพยาบาลใหม่ 5 แห่งภายในปี 2027 จากปัจจุบันที่มี 15 แห่ง ราคาหุ้นปัจจุบันเทรดที่ 2023PER 28 เท่า ต่ำกว่า ค่าเฉลี่ยในอดีตที่กว่า 30 เท่า ยังคงราคาเป้าหมาย 25.50 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(0) RBF ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 2022 ไว้ +15%-20% y-y หนุนโดยรายได้ต่างประเทศคาดโตไม่น้อยกว่า 30% จากการขยายเฟส 2 โรงงานอินโดนีเซียและการขยายตลาดอินเดีย ส่วนในประเทศคาดโตราว 8%-10% โดยรวมดูการฟื้นตัวในประเทศยังไม่ตื่นเต้นนัก ส่วนหนึ่งคาดว่าลูกค้ากลุ่มอาหารส่งออกถูกกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอ ขณะที่รายได้ CBD ยังน้อยมาก บริษัทตัดสินใจสร้างโรงงานในอินเดีย คาดจะแล้วเสร็จในปี 2024 คาดรายได้จะเร่งตัวขึ้นในปี 2025 เป็นต้นไป ระยะสั้นคาดกำไร 1Q23 ที่ 135 ลบ. +44% q-q, -17% y-y ดูฟื้นช้ากว่าที่เคยคาด เราคาดกำไรปกติปี 2023 ที่ 664 ลบ. +45% y-y ประเมินราคาเป้าหมาย 13.50 บาท แนะนำ “ซื้อ”

 

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 382.60 จุด หรือ +1.20% ปิดที่ 32,244.58 จุด จากที่ธนาคารยูบีเอสบรรลุข้อตกลงซื้อกิจการเครดิต สวิส รวมถึงข่าวธนาคารกลางหลายแห่งรวมถึง FED จะช่วยเสริมสภาพคล่องในระบบการเงิน

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก จากหุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน โดยได้แรงหนุนจากการทำข้อตกลงของธนาคารยูบีเอสเพื่อซื้อธนาคาร เครดิต สวิส

(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวก ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ

(0) ค่าเงินบาท แกว่งตัวแคบ อยู่ที่บริเวณ 34.03 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 90 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 67.64 ดอลลาร์/ บาร์เรล จากการคลายความกังวลของภาคธนาคาร ในขณะที่เช้านี้ย่อตัวลงที่ระดับ 67.29 ดอลลาร์/บาร์เรล -0.52%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 9.50 ดอลลาร์ หรือ 0.48% ปิดที่ 1,999.7 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ในขณะที่เช้านี้ปรับขึ้นต่อที่ระดับ 2,000.90 ดอลลาร์/ออนซ์ +0.06%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 924.55 / +3.47

- Advertisement -