Daily Focus: Maintain Domestic Play
2023SET Target: 1750
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวบวกได้แข็งแกร่งกว่าภูมิภาค ปิดบวกได้ถึง 21.73 จุด และผ่านแนวต้านระยะสั้น 1,575 จุด นำโดยหุ้นในกลุ่ม Domestic Play ได้แก่ ค้าปลีก สื่อสารฯ โรงไฟฟ้า เป็นต้น จากอานิสงส์ของการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น สถาบันในประเทศซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 2.2 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิบางลงเหลือ 1.2 พันลบ. (และพลิกมา Long Index Futures 1.3 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index ยังแกว่งตัวบวกได้ต่อเนื่องในกรอบ 1,570-1,590 จุด จากบรรยากาศการลงทุนที่ผ่อนคลายมากขึ้น หนุนเม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์ปลอดภัยเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง ตลาดเริ่มคลายกังวลประเด็นปัญหาธนาคารในสหรัฐฯและยุโรป หลังรมว.คลังสหรัฐฯออกมาให้ความเห็นว่าอาจมีมาตรการคุ้มครองเงินฝากเพิ่มหากจำเป็น ขณะที่ดีล UBS-CS ทำให้วิกฤตภาคการเงินในยุโรปคลายตัว ไฮไลท์สำคัญคืนนี้คือผลการประชุม FED ซึ่งจุดสำคัญนอกเหนือจากโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 4.75-5% ยังต้องติดตามถ้อยแถลงมุมมองเศรษฐกิจ เงินเฟ้อและทิศทางดอกเบี้ยจาก Dot Plot ส่วนปัจจัยในประเทศคาดว่ายังได้อานิสงส์จากการเริ่มหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งเป็นบวกต่อการบริโภคและ เศรษฐกิจใน 2Q23 โดยรวมปัจจัยต่างประเทศยังมีความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัวชัดหรือเกิด Recession มากขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจไทยดูมีเสถียรภาพมากกว่า เรามองการปรับฐานของดัชนีเข้าใกล้แนวรับหลัก 1,520+- จุด ยังเป็นระดับที่น่าสนใจในการทยอยสะสมหุ้นพื้นฐาน ยังคงเน้นหุ้น Domestic/Reopening Play มากกว่า Global Play
กลยุทธ์ : ทยอยสะสมหุ้นเพิ่มในช่วงปรับฐาน ยังเน้นหุ้น Domestic Play หุ้นเด่นเดือน มี.ค. : ASW, BEYOND, CPN, M, NSL
หุ้นเด่นวันนี้ : SHR
- แนะนํา “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 5.30 บาท
- โมเมนตัมผลการดำเนินงานปี 2023 คาดยังดีต่อเนื่องหนุนจาก Rev Par ที่คาดปรับตัวขึ้นโดดเด่นในทุกๆ Destination ทั้งไทย UK มัลดีฟท์ ฟิจิ มอริเชียส ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้โตไม่ต่ำกว่า +15% y-y สอดคล้องกับประมาณการของเรา ขณะที่ EBITDA Margin คาดปรับตัวขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 25%
- ระยะสั้นกำไร 1Q23 คาดยังแข็งแรงจาก Rev Par ของไทยและมัลดีฟท์ที่ +88% และ +34% เทียบกับ 4Q22 ชดเชย UK และ Outrigger ที่หดตัวจากปัจจัยฤดูกาล ส่วนราคาก๊าซในยุโรปที่ปรับลงต่อเนื่องเป็นบวกต่อต้นทุนและกำลังพิจารณาล้อคราคาก่อนเข้าฤดูหนาวถัดไป
- แนวรับ 4.04-4 บาท แนวต้าน 4.28-4.30//4.60 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนยังไหลออกจากภูมิภาคแต่โดยรวมบางลงเหลือ US$296 ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้และไต้หวันประเทศละ US$130-169 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินผสมผสาน ไหลออกจากไทย แต่ไหลเข้าอินโดนีเซียปริมาณใกล้เคียงกันราว ประเทศละ US$32-34 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ามีโอกาสพลิกมาไหลเข้า หลังตลาดคลายกังวลปัญหาภาคธนาคารทั้งในสหรัฐฯ และยุโรป รวมถึงข่าว FDIC กำลังศึกษาการประกันเงินฝากเต็ม 100% หนุนเม็ดเงินกลับเข้าสินทรัพย์เสี่ยง
ประเด็นสําคัญวันนี้
(0) จับตาการประชุม FED วันนี้ ตลาดคาดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ด้วยความน่าจะเป็น 89% สู่ระดับ 4.75-5% ส่วนปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตาคือถ้อยแถลงของประธาน FED ที่มีต่อมุมมองเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และปัญหาในภาคสถาบันการเงิน รวมถึง Dot Plot ที่จะสะท้อนทิศทางอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปี 2023 และปี 2024
(+) DUSIT เราคาดรายได้ปี 2023 จะเร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยยะ +30-35% y-y จากธุรกิจโรงแรมที่คาดมี Rev Par เพิ่มขึ้น +35% y-y ขณะที่ธุรกิจ Food และ Education อยู่ในโหมดฟื้นตัว ส่วน Dusit Central Park จะช่วยหนุนกำไรในปี 2024-2025 หลังจากเริ่มเปิดดำเนินงานในช่วง กลางปี 2024 เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2023-2024 ลงจากค่าใช้จ่ายก่อนเปิดดำเนินงาน และการ Delay ของ Dusit Central Park แต่คาดพลิกมีกำไรในปี 2023 ได้และเร่งตัวขึ้น +378% y-y ในปี 2024 คงราคาเป้าหมายที่ 18 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) ICHI ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 2023 Aggressive +15% y-y หนุนจากทั้งสินค้าใหม่ Tansansu และผลิตให้ลูกค้า OEM ส่วนด้านต้นทุนได้แรงหนุนจากต้นทุนเม็ดพลาสติกที่ปรับลง และอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น คาดช่วยหนุน Margin ให้ยังยืนในระดับสูงและดีขึ้นจากปี 2022 ระยะสั้นมีโอกาสเห็นกำไร 1Q23 ทำจุดสูงสุดใหม่ +15% q-q, +97% y-Y เราคาด กำไรสุทธิปี 2023 เติบโต +12% y-y สูงสุดในรอบ 8 ปี ประเมินราคาเป้าหมายที่ 14 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) ITTHI เข้าเทรดวันนี้ เป็นผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้าส่องสว่างที่ได้รับความไว้ใจจากลูกค้า โดยเฉพาะโครงการพัฒนาอสังหาฯ และมีเบรนด์ชั้นนำเป็น Partner เติบโตตามธุรกิจอสังหาฯ ที่มีแผนเปิดโครงการใหม่เร่งขึ้นในปี 2023 ลูกค้าหลักคือ AP และ SIRI เราคาดกำไรปี 2023 +21% y-y จากรายได้งานโครงการที่เติบโตและ Margin ที่ขยายตัว ประเมินราคา เป้าหมายที่ 3.20 บาท (Finansia เป็นผู้จัดจำหน่ายฯ)
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 316.02 จุด หรือ +0.98% ปิดที่ 32,560.60 จุด จากตลาดคลายความกังวลเกี่ยวกับสภาพคล่องในภาคธนาคาร รวมถึงประเด็น ข่าวจากเจเน็ต เยลเลน รมว.คลังสหรัฐ เตรียมที่จะคุ้มครองเงินฝาก ขณะที่นัก ลงทุนจับตาการประชุม FED ในสัปดาห์นี้
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก นำโดยหุ้นในกลุ่มธนาคารที่ฟื้นตัว หลังภาครัฐออกมาตรการเพื่อช่วยให้เสถียรภาพของภาคธนาคารดีขึ้น
(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวก ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ
(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 34.54 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.69 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 69.67 ดอลลาร์/บาร์เรล จากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับสภาพคล่องในภาคธนาคาร ในขณะที่เช้านี้ย่อตัวลงที่ระดับ 69.38 ดอลลาร์/บาร์เรล -0.42%
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 41.40 ดอลลาร์ หรือ 2.07% ปิดที่ระดับ 1,958.3 ดอลลาร์/ออนซ์ จากนักลงทุนคลายความกังวลในภาคธนาคาร ทำให้ลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ในขณะที่เช้านี้รีบาวน์ที่ระดับ 1,963.90 ดอลลาร์/ออนซ์ +0.29%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 923.11 / -1.44