Fed ให้นํ้าหนักเงินเฟ้อมากกว่าปัญหาธนาคาร / กรอบ SET INDEX 1570-1583

Market Outlook

ผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เมื่อคืนที่ผ่านมามีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% มาอยู่ที่ 5% สอดคล้องกับที่ตลาดประเมินไว้ ด้าน Dot Plot หรือดอกเบี้ยสิ้นปีของปี 2023 Fed ประเมินไว้ที่ 5.1% หรือเป็นการส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% และคงดอกเบี้ยไว้ตลอดทั้งปี ในแง่ตัวเลขเศรษฐกิจพบว่าประเมิน GDP Growth 2023 ไว้ที่ 0.5% (คงเดิมจากครั้งประชุมครั้งก่อน) แต่ปรับ GDP 2024E ลงมาอยู่ที่ 1.2% YoY จากประชุมครั้งก่อน 1.6%YoY ด้านเงินเฟ้อ (PCE) คาดการณ์ที่ 3.3% YoY สูงกว่าคาดการณ์ครั้งก่อนที่ 3.1% YoY แต่ประเมินปี 2024 จะลงมาอยู่ที่ 2.5% YoY สำหรับถ้อยแถลงภายในคล้ายกับว่าทาง Fed มิได้กังวลมากนักกับระบบธนาคารในสหรัฐฯ เพราะเชื่อว่ามีความยืดหยุ่นเพียงพอ แต่คณะกรรมการยังให้น้ำหนักกับเงินเฟ้อมากกว่าปัจจัยข้างต้นเหมือนผิดไปจากนักลงทุนประเมินไว้ เพราะนักลงทุนเชื่อว่า Fed จะหันมาให้น้ำหนักกับภาคเศรษฐกิจมากกว่าเงินเฟ้อ และผิดไปจากที่นักลงทุนคาดไว้อีกเช่นกันว่า Fed จะเริ่มลดดอกเบี้ยในปีนี้ ในแง่ถ้อยแถลงระบุว่าชัดเจนว่าจะไม่มีการลดดอกเบี้ยลงในปีนี้ และยังเชื่อว่าโอกาส Soft Landing ยังเป็นไปได้ อย่างไร ก็ตามข้อมูลในอดีตชี้ชัดว่า Fed มักคงดอกเบี้ยระดับสูงได้ไม่นานโดยเฉลี่ยอยู่ราว 7 เดือน และในช่วงที่ดอกเบี้ยปรับลงมักเร็วและแรง ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวตลาดหุ้นมักจะปรับฐานลงมาด้วย สืบเนื่องจากผลประกอบการที่ย่ำแย่จากภาวะเศรษฐกิจโดยอุตสาหกรรมที่จะให้ผลตอบแทนเด่นช่วงดอกเบี้ยปรับลง ได้แก่ Reit, โรงไฟฟ้า, หุ้นปันผลสูง มองเป็นกลุ่มที่นักลงทุนควรเริ่มทยอยสะสม วันนี้ประเมิน SET INDEX ปรับตัวลงในกรอบ 1570-1583 รับแรงกดดันระยะสั้นจากการปรับลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นญี่ปุ่นเช้านี้ปรับลง 0.6%

เชิงกลยุทธ์การลงทุน นักลงทุนเก็งกำไรระยะกลางควรเริ่มทยอยสะสมในกลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM, GPSC, GULF, RATCH) Reit (CPNREIT) หุ้นกลุ่มที่ให้ปันผลสูง (ADVANC, TISCO) ส่วน Trading ระยะสั้นยังแนะ Domestic Play อาทิ กลุ่มค้าปลีก (BJC, CRC, CPALL, HMPRO) กลุ่มท่องเที่ยว (AOT, CENTEL, ERW, MINT, SHR, SPA) กลุ่มธนาคาร (BBL, KBANK, SCB, TTB)

หุ้นแนะนําซื้อวันนี้

RATCH ราคาพื้นฐาน 55.00 บาท

มองบวกต่อภาพรวมปี 2023 หนุนจากการใช้เงินที่ได้จากการเพิ่มทุน (แล้วเสร็จในไตรมาส 2/22) ไปกับการลงทุนในโครงการ NEJV (1,500MW และดำเนินงานอยู่ 450M) และโรงไฟฟ้าถ่านหิน Paiton ขนาด 930MWe ในอินโดนีเซีย ที่จะกระตุ้นให้กําลังการผลิตในการดำเนินงานของ RATCH เพิ่มขึ้น 16% จากปัจจุบันที่ 9.2MWe ซึ่งคาดว่าจะชดเชย dilution ที่มีต่อ EPS ได้ทั้งหมด

PTTEP ราคาพื้นฐาน 175.00 บาท

ระยะสั้นน่าสนใจสำหรับการ Trading เนื่องจากราคาน้ำมันดิบเริ่มฟื้นตัวหลังจากผ่านพ้นสถานการณ์ความผันผวนของกลุ่มธนาคารต่างๆ ทั้ง SVB,CS อย่างไรก็ตาม ยังเน้นเพียงแค่ Trading เนื่องจากประเมินกำไรปี 2023 จะหดตัว 7.8% YoY ตามฐานราคาน้ำมันที่สูงในปีก่อน

Pi Technical Daily 

- Advertisement -