LEO ปักหมุดปี 66 ลุยขยายธุรกิจใหม่ Non Freight เน้นมาร์จิ้นสูง 40-45% เตรียมอัดงบลงทุน 800 -1,000 ล้านบาท เล็งซื้อกิจการ-ร่วมทุนเพิ่ม เดินหน้าปิดดีลในมือทั้งในและตปท.ดันอนาคตโตก้าวกระโดด
บมจ.ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ (LEO) เปิดแผนปี 66 ตั้งเป้า Gross Profit Margin เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 15-20% เน้นการลงทุนธุรกิจใหม่ที่เป็น Non Freight มีกำไรขั้นต้นสูงถึง 40-45% ควบคู่การเดินหน้าปิดดีล JV และ M&A ทั้งในและต่างประเทศ ฟากซีอีโอ “เกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์” ระบุพร้อมลุยขยายธุรกิจทุกมิติ เดินหน้าผนึกพันธมิตรต่อยอดธุรกิจ เตรียมอัดงบลงทุน 800 -1,000 ล้านบาท เพื่อซื้อกิจการ-ร่วมทุนเพิ่ม เพื่อผลักดันการเติบโตก้าวกระโดด
นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO เปิดเผยว่า ในปี 2566 นี้ บริษัทฯ ยังคงเดินตามแผนยุทธศาสตร์ “365 Degree Collaboration” ตั้งเป้าเป็นปีแห่งการก้าวสู่ความเป็นบริษัท Blue Chip Stock ของผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดและยั่งยืน โดยวางเป้าการเติบโตของ Gross Profit Margin เพิ่มขึ้น 15-20% จากปีก่อน เน้นการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่เป็น Non Freight และมีกำไรขั้นต้นมากกว่า 40-45% เช่น Self Storage, Container Depot, Warehouse & Logistics Center และ Cold Chain Logistics โดยจะร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อพัฒนาโครงการ ใหม่ๆ ซึ่งเมื่อรวมรายได้จากบริษัท JV ใหม่ที่เกิดขึ้นและการขยายงานของทางบริษัทฯ ทำให้รายได้ของธุรกิจ Non-Freight ของบริษัทฯ มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า
“บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าในปี 2566 จะยังคงรักษาระดับการเติบโตของกำไรขั้นต้นและผลประกอบการอย่างต่อเนื่อง เพราะจะเริ่มรับรู้รายได้และกำไร จากโครงการ JV และ M&A ใหม่ๆ ที่เป็นทั้งการให้บริการ Freight , Non Freight และ New Business ในหลายๆ โครงการ เช่น การให้บริการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนโดยรถบรรทุกและรถไฟ, การให้บริการตู้คอนเทนเนอร์สำหรับขนส่งผลไม้ไปยังประเทศจีน , การให้บริการลานเก็บตู้คอนเทนเนอร์ (Container Depot) แห่งที่ 2 ซึ่งได้เปิดดำเนินการเรียบร้อยแล้ว , การพัฒนาธุรกิจ Cold Chain Logistics ที่บริษัท สหไทย เทอร์มินัล จำกัด (มหาชน) หรือ PORT, การพัฒนาโครงการ Warehouse & Logistics Center ร่วมกับ บริษัท เอชเค แอสเซท แมเนจเมนท์ จำกัด ในเครือ บริษัท เสนา ดีเวลอบเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA, การเปิดบริการ Self Storage แห่งที่ 3 และ 4 , การพัฒนาธุรกิจตัวแทนในการซื้อสินค้าจากประเทศไทยเพื่อส่งให้ E-commerce Platform ของ China Post และ Tengjin ภายใต้ชื่อ บริษัท LEO Sourcing & Supply Chain ที่ปัจจุบันมีคำสั่งซื้อสินค้าที่เป็นทุเรียนและผลไม้อื่นๆเข้ามาเป็นจำนวนมาก รวมถึง โครงการ JV กับ บริษัท เบาไทย อินเด็กซ์ แอสโซซิเอท จำกัด และ บริษัท ศรีตรังโลจิสติกส์ จำกัด ที่เป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการของทางการรถไฟจีนในการทำการตลาดการขนส่งทางรางไทย-จีนภายใต้ บริษัท LaneXang Express Company Limited และธุรกิจอื่นๆ ที่จะทยอยเกิดขึ้นในปี 2566 นี้ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตทั้งในด้านธุรกิจและรายได้อย่างก้าวกระโดดในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งจะทำให้รายได้ กำไรขั้นต้นและผลประกอบการของบริษัทฯเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง”
อีกทั้ง บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าเรื่องการเจรจาเพื่อซื้อกิจการ (M&A) กับพันธมิตรที่เป็นบริษัทชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศอีกหลายประเทศ เช่น ประเทศกัมพูชา สิงคโปร์ และสาธารณรัฐประชาชนจีน คาดว่าจะมีความชัดเจนในไตรมาส 2/2566 และสามารถรับรู้รายได้ภายในไตรมาสที่ 3-4/2566 รวมถึงจะมีโครงการธุรกิจใหม่ๆ ที่จะสามารถสรุปได้ภายใน 1-2 เดือนข้างหน้า อีก 1-2 โครงการ ซึ่งการ M&A หลายๆ โครงการนี้ จะสนับสนุนการเติบโตทั้งในด้านธุรกิจและรายได้อย่างก้าวกระโดดด้วยเช่นเดียวกัน
อนึ่งภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2565 บริษัทฯมีการเติบโตต่อเนื่องเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิ(ส่วนของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่) อยู่ที่ 304.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้รวมอยู่ที่ 4,495.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรขั้นต้น 885.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% จากงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากความสามารถในการสร้างรายได้ และบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์ของบริษัทฯ ที่ได้มีการปรับแผนการตลาดและการขาย ให้เหมาะสมกับสถานการณ์การตลาดและการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาได้อย่างดีเยี่ยม
นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นได้มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปีหลังของปี 2565 ให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสดในอัตรา 0.20 บาท/หุ้น โดยขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 26 พฤษภาคม 2566