บล.บัวหลวง:
Chemical – อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นถูกกลบโดยอุปทานใหม่ที่เพิ่มเข้ามา (NEUTRAL)
แม้ว่าอุปสงค์จะปรับตัวดีขึ้นเป็นวงกว้าง แต่การเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่น และอุปทานใหม่ๆ จะยังคงกดดันส่วนต่างราคาปิโตรเคมีอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 2/56 อย่างไรก็ตาม มูลค่าในปัจจุบันได้สะท้อนปัจจัยดังกล่าวไปแล้ว ดังนั้นเราจึงยังคงให้น้ำหนักการลงทุนเท่ากับตลาด โดยชอบ IVL มากที่สุด
กําลังเข้าช่วงโลว์ซีซั่น
การเปิดประเทศจีนหนุนอุปสงค์ต่อปิโตรเคมีโดยรวม และหนุนราคาและส่วนต่างราคาตั้งแต่ไตรมาส 1/66 เราคาดว่าแนวโน้มดังกล่าวจะยังคงต่อเนื่องไปในไตรมาส 2/66 ทั้งนี้โดยปกติไตรมาสที่ 2 จะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของปิโตรเคมี ส่วนใหญ่ ซึ่งอาจจำกัดการฟื้นตัวของส่วนต่างราคา ดังนั้นส่วนต่างราคาปิโตรเคมีส่วนใหญ่คาดว่าจะทรงตัว QoQ ในไตรมาส 2/66 ในทางตรงกันข้าม ไตรมาสที่ 2 จะเป็นช่วงพีคซีซั่นของกลุ่มผลิตภัณฑ์สายโพลีเอสเตอร์ ดังนั้น ส่วนต่างราคา PET คาดจะปรับตัวขึ้น QoQ ในไตรมาส 2/66 อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนของอุปสงค์ยังคงมีอยู่ต่อไปตลอดปี 2566 และอาจจํากัดการฟื้นตัวของส่วนต่างราคาบางส่วน
กําลังการผลิตใหม่จํานวนมากจะกดดันส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ ในปี 2566
การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกน่าจะกดดันอุปสงค์ต่อผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ (PE และ PP) อย่างต่อเนื่องในปี 2566 นอกจากนี้จะมีกำลังการผลิตใหม่เพิ่มเข้ามา ซึ่งจะกดดันส่วนต่างราคาโอเลฟินส์อย่างต่อเนื่องในปี 2566 ดังนั้นเราจึงคาดการณ์เชิงอนุรักษ์นิยมว่าส่วนต่างราคา HDPE จะทรงตัว YoY ในระดับต่ำที่ 430 เหรียญสหรัฐ/ตัน ในขณะที่ส่วนต่างราคา PP คาดจะทรงตัว YoY ที่ 430 เหรียญสหรัฐ/ตัน ในปี 2566
อุปทานที่เพิ่มขึ้นจะกดดันส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ในปี 2566
ตลาดอะโรเมติกส์ (PX และ Benzene) ในปี 2566 จะถูกกดดันจากอุปทานใหม่ๆ เช่นกัน ดังนั้นเราคจึงคาดว่าส่วนต่างราคา PX จะทรงตัว YoY ในระดับต่ำที่ 320 เหรียญสหรัฐ/ตัน ในขณะที่ส่วนต่างราคา Benzene คาดว่าจะทรงตัว YoY ที่ 235 เหรียญสหรัฐ/ตัน ในปีนี้
ตลาดที่ดึงตัวน้อยลงจะกดดันส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์สายโพลีเอสเตอร์
ในตลาดผลิตภัณฑ์สายโพลีเอสเตอร์ ส่วนต่างราคา PET คาดว่าจะอ่อนตัวลง YOY ในปี 2566 จากความตึงตัวของอุปสงค์-อุปทานที่ลดลง สังเกตว่ามีสถานการณ์อุปทานตึงตัวในปี 2565 จากปัญหาด้านการขนส่ง ในขณะที่ส่วน ต่างราคา PTA มีแนวโน้มที่จะลดลง YoY ในปี 2566 โดยกดดันจากกำลังการผลิตใหม่จํานวนมาก
ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีที่มีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำสะท้อนไปในราคาหุ้นแล้ว
มูลค่าหุ้นในปัจจุบัน (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง PBV) ของหุ่นกลุ่มปิโตรเคมีของไทย ส่วนใหญ่อยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงก่อนโควิดและค่าเฉลี่ยระยะยาว เราเชื่อว่ามูลค่าหุ้นดังกล่าวได้สะท้อนภาพส่วนต่างราคาปิโตรเคมีที่มีแนวโน้มอยู่ในระดับ ต่ำาในปี 2566 ไปแล้ว และน่าจะช่วยจำกัดความเสี่ยงในการปรับตัวลงของราคาหุ้นกลุ่มปิโตรเคมี