สรุปภาวะตลาด
วันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกสลับลบ ดัชนีปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านทางจิตวิทยาบริเวณ 1,600 จุด แล้วย่อตัวลง แรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ แต่มีแรงขายออกมาในหุ้นที่ปรับตัวขึ้นในวันก่อนหน้า ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,591.85 จุด -1.80 จุด -0.11% มูลค่าการซื้อขาย 44,925 ลบ.ต่างชาติ -479.56 ลบ. TFEX -4,807 สัญญา ตราสารหนี้ +912.96 ลบ.
ปัจจัยบวก+
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 132.28 จุด หรือ +0.41% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์บวก 1.2% หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดแสดงความเห็นที่ได้ช่วยคลายความวิตกของนักลงทุนเกี่ยวกับแนวโน้มการเกิดวิกฤตสภาพคล่องในภาคธนาคาร
+ IMF คาดการณ์ว่า GDP ของจีนจะขยายตัว 5.2% ในปี 2566 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับของปี 2565 ถึง 2 เท่า ได้แรงหนุนจากการอุปโภคบริโภคที่ฟื้นตัวหลังจากจีนเปิดประเทศและกิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ
+ ททท. คาดการณ์แนวโน้มการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2566 คาดการณ์ว่าการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยในช่วงวันหยุดยาวสงกรานต์ จะสนับสนุนให้เกิดการเดินทางในประเทศทั้งเดือนเมษายน ปี 2566 อยู่ที่ 17-20 ล้านคน/ครั้ง
+ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ทางการสหรัฐเล็งขยายโครงการให้กู้ฉุกเฉิน (emergency tending facility) ซึ่งจะทำให้ภาคธนาคารได้รับการสนับสนุนเพิ่มขึ้น และยังเป็นการต่อเวลาให้ธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิค แบงก์ พยุงงบดุลได้ด้วย
+ กระทรวงการคลังรายงานยอดจัดเก็บรายได้ 5 เดือนแรกของปีงบ 2566 เฉียด 1 ล้านล้านบาท สูงกว่าเป้า 9 หมื่นล้านบาท อานิสงส์เศรษฐกิจฟื้น
ปัจจัยลบ-
– สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 70 เซนต์ หรือ -1% ปิดที่ 69.26 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่เพิ่มขึ้น 3.5% ในรอบ สัปดาห์นี้ เนื่องจากถูกกดดันจากความวิตกครั้งใหม่ เกี่ยวกับสภาพคล่องของภาคธนาคารของสหรัฐและยุโรป ซึ่งจะทำให้เกิดภาวะสินเชื่อตึงตัว และอาจทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงจนส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
– สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า สมาชิกสภาฯ สหรัฐ แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับติ๊กต๊อกว่าจีนมีแนวโน้มเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้งานติ๊กต๊อกชาวอเมริกันหลายล้านคน และจะเป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐ
– สำนักข่าวนิกเกอิเอเชียรายงานว่า กลุ่มนักลงทุนในทวีปเอเชียกำลังเตรียมยื่นฟ้องร้องดำเนินคดีกับรัฐบาล สวิตเซอร์แลนด์ จากกรณีการตัดมูลค่าของตราสารทางการเงินที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 หรือ AT1 มูลค่า 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์ของธนาคารเครดิต สวิส ลงเหลือศูนย์
– IMF เตือนว่า ความเสี่ยงต่อความมั่นคงทางการเงินปรับตัวเพิ่มขึ้น พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายระมัดระวัง โดยชปีนี้จะเป็นปีที่ท้าทายอีกปี อันเป็นผลจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สงครามยูเครน และการขึ้นดอกเบี้ย
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีวันนี้มียังแกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน โดยนักลงทุนมีความวิตกของนักลงทุนเกี่ยวกับแนวโน้มการเกิดวิกฤต สภาพคล่องในภาคธนาคารจากทั้งทางฝั่งยุโรปและฝั่งสหรัฐ ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่อ่อนแรง ยังกดดันหุ้นกลุ่ม พลังงาน มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,580-1,600 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
- หุ้น mai เด่นปี 66 : SPA D CEYE AU
- หุ้นเช่ือมโยงการเมือง : TKS SIRI PR9 SC STEC STPI
- BOI ส่งเสริมการลงทุนช้ินส่วน EV : EA GPSC BCP DELTA PIMO FPI
- หุ้นปันผลดี : ADVANC TISCO SCB PT SMIT
- จำนวนนักท่องเที่ยวปรับตัวเพิ่มขึ้น : AOT BAFS AAV BA MINT CENTEL ERW
หุ้นรายงานพิเศษ
SISB (Bloomberg Consensus 26.00 บาท) กำไรไตรมาส 4/65 Record High)
- รายงานกําไร 4Q65 ที่ 128 ลบ +383%YoY และ +29%QoQ โดยรายงานรายได้ 396 ลบ. +60%YoY และ +14%QoQ) โดยได้แรงหนุน 1) จำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้น 383 คนจากไตรมาสก่อนสู่ 3,114 คน และ 2) การปรับขึ้นค่าเล่าเรียน 5% ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวขึ้นจาก 49.7% สู่ 53.3% ตามจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้รายงานรายได้และกำไรปี 2565 ที่ 1.34 พันลบ. และ 369 ลบ +25%YoY และ 77%YoY ตามลำดับ และมีอัตรากําไรสุทธิ 27.6% เพิ่มขึ้นจาก 19.5% ในปี 2564
- ผบห.ตั้งเป้าปี 66 มีจำนวนนักเรียน 3,700 คน โดยได้แรงหนุนจากการเปิดโรงเรียน นนทบุรี และระยองช่วงเดือน ส.ค. 66 ซึ่งปัจจุบันมีนักเรียนสมัครเข้ามาทั้ง 2 สาขาแล้ว 220 คนจากเป้าหมาย 300 คน เป็นปัจจัยหลักที่หนุนการเติบโต อีกทั้งยังอยู่ระหว่างขอปรับขึ้นค่าเล่าเรียนอีก 5% กับทางภาครัฐ นอกจากนี้จํานวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง บริษัทมีแผนขยายห้องเรียนที่สาขา ประชาอุทิศ ธนบุรี และเชียงใหม่เพิ่มเติมเพื่อรองรับการเติบโต
- ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อผลประกอบการปี 66 เนื่องจากจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องและการเปิดเรียนที่โรงเรียนเต็มรูปแบบ อีกทั้งโรงเรียนอีก 2 สาขาจะแล้วเสร็จช่วง ส.ค. 66 ช่วยหนุนการเติบโตเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ราคาปัจจุบันอยู่ใกล้กับราคาเหมาะสม ทำให้เราแนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว”
หุ้นมีข่าว
(+) AH (Bloomberg consensus 44.00 บาท) เผยโรงงานที่จีนได้ออเดอร์จากเทสล่า คาดส่งมอบอีก 2 ปีข้างหน้า มองอุตสาหกรรมอีวีโตแรงปีนี้ คาดรายได้อีวีโตเกิน 100% เจรจาค่ายรถต่อเนื่อง มีศักยภาพ และความพร้อมผลิต ปีนี้รายได้โต 10-15% (ที่มา ทันหุ้น)
(+) JR (Bloomberg consensus – บาท) ส่งซิกไตรมาส 2/2566 โตต่อ จ่อบุ๊กรายได้จากงานในมือเพิ่มขึ้น รวมถึงคุมต้นทุนอยู่หมัด ล่าสุดคว้างานขายระบบหม้อแปลงให้บริษัทพลังงานมหานคร ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ EA มูลค่า 85 ล้านบาท พร้อมลุยประมูลงานใหม่ต่อเนื่อง ย้ำเป้ารายได้ปีนี้โต 20% (ที่มา ทันหุ้น)
(+) LEO (Bloomberg consensus 9.80 บาท) รายได้-กำไรปีนี้สะพรั่ง จ่อบุ๊กรายใต้โครงการร่วมทุนพันธมิตร JV และ M&A พร้อมโฟกัสธุรกิจใหม่นอนเฟรท โกยมาร์จิ้นสูง 40-45% แย้มแผนซื้อกิจการพันธมิตรในประเทศกัมพูชา สิงคโปร์ และจีน คาดชัดเจนไตรมาส 2/2566 (ที่มา ทันหุ้น)
(+) NEX (Bloomberg consensus 22.25 บาท) ลุยส่งมอบรถบรรทุกไฟฟ้า NEX ประเภท BEV Cargo Truck ให้กับ “มนตรีทรานสปอร์ต” เพื่อให้บริการลูกค้า DSV Solutions Ltd. ด้าน “นาวิน เสนาะดนตรี” ระบุปริมาณการใช้รถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้น เดินหน้าผลิตเต็มกำลัง ฟันรายได้-กำไรปีนี้ออลไทม์ไฮ (ที่มา ทันหุ้น)
ปัจจัยจับตาในประเทศ
- สัปดาห์ที่ 5 สํานักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) แถลงดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม
- สํานักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค, ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
- 29 มี.ค. ประชุม กนง. ครั้งที่ 2/2566
- 31 มี.ค. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
- 14 พ.ค. เลือกตั้ง
ปัจจัยจับตาต่างประเทศ
- 27 มี.ค. สหรัฐ รายงานดัชนีการผลิตเดือนมี.ค.จากเฟดดัลลัส
- 28 มี.ค. สหรัฐ รายงานสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.พ. ราคาบ้านเดือนม.ค.จากเอส แอนด์ พี/เคส-ชิลเลอร์ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือนมี.ค.จาก Conference Board
- 29 มี.ค. สหรัฐ รายงายยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (Pending Home Sales) เดือน ก.พ. สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)
- 30 มี.ค. อียู รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือนมี.ค.
- สหรัฐ รายงานจํานวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2565
- 31 มี.ค. จีน รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนมี.ค.
- 3 เม.ย. กำหนดการประชุมของกลุ่มโอเปกพลัส เกี่ยวกับนโยบายการผลิดน้ำมัน