Daily Focus Domestic/Reopening Play remain Keys
2023SET Target: 1700
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index พักตัวลงสวนทางที่คาดว่าจะแกว่งตัวในแดนบวก ดัชนีปิดลบ 5.10 จุด ณ สิ้นวัน แต่ได้ DELTA ที่ปรับขึ้นแรง และกระทบเป็นบวกต่อ SET เกือบ 10 จุด ขณะที่หุ้นขนาดใหญ่อื่นพักตัวลง สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิในตลาดหุ้นหนาแน่น 1.6 พันลบ.และ 1.8 พันลบ. ตามลำดับ (สถานะใน Index Futures ไม่ หนาแน่นและมีนัยยะ)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่งตัว Sideways to Sideways Up ในกรอบ 1,600-1,615 จุด บรรยากาศการลงทุนโดยรวมยังค่อนข้างผ่อนคลายต่อเนื่องจากปัญหาภาคธนาคารที่คลี่คลายไปมาก อย่างไรก็ตาม คาด Upside ของดัชนีระยะสั้นเริ่มจำกัดหลังจากฟื้นตัวขึ้นมาเร็ว และกลับสู่ระดับก่อนมีปัญหาภาคธนาคาร นอกจากนี้ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามคืนนี้ คือ ตัวเลขเงินเฟ้อ PCE เดือน ก.พ. ตลาดคาด Core +0.4% m-m, +4.7% y-y ซึ่งหากออกมาสูงกว่าคาดจะทำให้ตลาดกลับมากังวลทิศทางอัตราดอกเบี้ยของ FED อีกครั้งจากปัจจุบันที่มอง Dovish กว่า Dot Plot ถึงราว 75-100 bps ส่วนปัจจัยในประเทศโดยรวมยังไม่มีประเด็นใหม่ โฟกัสยังอยู่ที่การหาเสียงเลือกตั้งที่กำลังจะคึกคักในเดือน เม.ย. ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจ โดยเฉพาะการบริโภคเร่งตัวขึ้น ในด้านกลยุทธ์หากดัชนีมีจังหวะพักตัวลงหาระดับ 1,550 จุด หรือต่ำกว่า เรายังมองเป็นจังหวะทยอยสะสมหุ้นพื้นฐาน เรายังคงเน้นหุ้น Domestic/Reopening Play มากกว่า Global Play เช่น ค้าปลีก ท่องเที่ยว การแพทย์ อาหาร เครื่องดื่ม โรงไฟฟ้า ซึ่งคาดได้อานิสงส์จากเศรษฐกิจในประเทศที่ดีขึ้นและเสี่ยงจำกัดต่อเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว
กลยุทธ์ : ทยอยสะสมหุ้นเพิ่มในช่วงปรับฐาน ยังเน้นหุ้น Domestic/Reopening Play
หุ้นเด่นเดือน มี.ค. : ASW, BEYOND, CPN, M, NSL
หุ้นเด่นวันนี้ : BA
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 18 บาท
- เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางกำไรปี 2023 โดยคาดเริ่มได้ผลบวกจากการลดจำนวนเครื่องบินลงจาก 35 ลำ เหลือ 26-28 ลำ ซึ่งคาดจะช่วยหนุนให้ความสามารถในการทำกำไรดีขึ้น ขณะที่ปริมาณผู้โดยสารและ RASK คาดฟื้นตัวต่อเนื่องตามภาคการท่องเที่ยว
- ระยะสั้นคาดหวังการเร่งตัวของกำไรใน 1Q23 หลังสมุยกลับเข้า High Season อีกครั้ง เราคาดกำไรปี 2023 ของ BA ที่ 918 ลบ.พลิกจากขาดทุนปีก่อน นอกจากนี้ BA ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากธุรกิจเกี่ยวเนื่องและเงินลงทุนต่างๆ ทั้งธุรกิจ Cargo เงินปันผลรับจาก BDMS รวมถึงการเปลี่ยนจาก SPF เป็น BAREIT ที่ทำให้ต้นทุนคงที่ลดลง
- แนวรับ 13 บาท แนวต้าน 13.60//14 บาท
กรรมการอิสระ/ ประธานกรรมการตรวจสอบ/ ประธานคณะกรรมการสรรหา ค่าตอบแทนและบรรษัทภิบาลของ FINANSIA SYRUS เป็นกรรมการของ BA
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคต่อเนื่องอีก US$535 ล้าน ยังคงนำโดย ไต้หวัน US$416 ล้าน ตามมาด้วยเกาหลีใต้ US$110 ล้าน โดยได้อานิสงส์จากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ส่วนอาเซียนเม็ดเงินผสมผสาน ไหลเข้าอินโดนีเซีย แต่ไหลออกจากไทยและเวียดนาม แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลเข้าแต่ปริมาณคาดเบาบางลง โดยรอจับตาตัวเลขเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯเดือน ก.พ. คืนนี้
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) ส่งออกไทยเดือน ก.พ. หดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 อยู่ที่ US$2.24 หมื่นล้าน -4.7% y-y ดีกว่าที่ตลาดคาด ขณะที่การนำเข้าอยู่ที่ US$2.35 หมื่นล้าน +1.1% y-y น้อยกว่าตลาดคาด ทําให้เดือน ก.พ. ไทยขาดดุลการค้าลดลงอย่างมีนัยยะเหลือ US$1.1 พันลบ. สินค้าส่งออกที่เติบโตดี ได้แก่ รถยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ น้ำตาล ผลไม้ ไก่สด ส่วนสินค้าที่หดตัว ได้แก่ ยาง อาหารทะเลกระป๋อง อาหารสัตว์เลี้ยง ผลไม้กระป๋อง สินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน คอมพิวเตอร์ และเหล็ก โดยรวมการส่งออกยังถูกกระทบจากภาคการผลิตทั่วโลกที่ชะลอตัว ขณะที่ตัวเลขส่งออกเดือน มี.ค. คาดติดลบแรงขึ้นจากฐานสูงปีก่อน ขณะที่ค่าเงินบาทมีแนวโน้มทยอยแข็งค่า เราจึงยังมองกลุ่มส่งออกยังไม่น่าสนใจและต้อง Selective เฉพาะกลุ่ม สินค้าที่ยังเห็นการเติบโตที่ดี และยังชอบหุ้น Domestic/Reopening Play มากกว่า
(0) SSP เราเชื่อว่าราคาหุ้นที่ปรับลงในช่วงก่อนหน้าเกิดจากความกังวล EPS Dilution จากจากทั้งหุ้นปันผลในปี 2023 และการแปลงสภาพของ SSP-W2 ในปี 2025 ขณะที่กำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่ที่จะเข้ามาเติมมีไม่มาก อย่างไรก็ตาม เราคาดว่า SSP จะได้กำลังการผลิตไฟฟ้า เพิ่มจากการประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่กำลังจะประเทศเร็วๆ นี้ราว 200-300 MW และอีกปริมาณใกล้เคียงกันจาก PDP8 ของเวียดนามเข้ามาหนุนการเติบโตได้ เราคาด EPS ของ SSP จะยังเติบโตได้ +3% y-y และ +20% y-y ในปี 2023-2024 ตามลำดับ ยังคงราคาเป้าหมาย 10.80 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) OR ร่วมกับกลุ่มบุญรอด เปิดตัวผลิตภัณฑ์ Ready to drink พรีเมี่ยม เป็นกาแฟและชาขวดราคา 30-35 บาท/ขวด ตั้งเป้าขาย 8-9 ล้านขวดในปี 23 คาด NPM ที่ 20% เป็นการรับรู้แบบส่วนแบ่งกำไร คาดจะเริ่มขายใน 7-11 ใน 2Q23 และร้านจะดวกซื้อต่างๆ ผ่านกลุ่มบุญรอด ใน 3Q23 มองว่าเป็นคนละตลาดกับ Cafe Amazon แต่คาดกระทบต่อกำไรโดยรวมไม่มาก ส่วนธุรกิจ Oil และ Non-Oil คาดฟื้นตัวตามการ Reopening และค่าการตลาดที่ฟื้นตัว ราคาเป้าหมาย 26 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(0) TACC คาดกำไร 1Q23 ทยอยฟื้นตัวช้าๆ โดยรายได้คาดเติบโตราว 8-10% y-y แต่คาด Margin ยังฟื้นตัวได้ไม่เร็ว แต่จะเห็นการฟื้นตัวชัดเจนขึ้นใน 2Q23 เป็นต้นไป เพราะเป็น High Season และต้นทุนต้นทุนวัตถุดิบเริ่มปรับลดลง ส่วน Amazon เตรียมวางขายเครื่องดื่มพร้อมทานในร้าน 7-11 ผู้บริหารมองว่าไม่กระทบต่อ TACC เพราะเป็นคนละตลาดเบื้องต้นยังคาด กำไรปี 2023 +10% และคงราคาเป้าหมายที่ 10 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 141.43 จุด หรือ +0.43% ปิดที่ 32,859.03 จุด ได้ปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้หุ้นกลุ่มธนาคารจะปรับตัวลง หลังจากคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้เสนอมาตรการกำกับดูแลธนาคารขนาดกลางให้มีความเข้มงวดมากขึ้น
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก ได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเอชแอนด์เอ็ม (H&M) ทำให้นักลงทุนคาดหวังผลประกอบการของหุ้นกลุ่มค้าปลีกจะออกมาแข็งแกร่งเช่นกัน
(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวก ตามทิศทางหุ้นสหรัฐ
(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 34.05 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.40 ดอลลาร์ หรือ 1.92% ปิดที่ 74.37 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้ปัจจัยหนุนจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี รวมถึงข่าวอิรักระงับการส่งออกน้ำมันบางส่วน ในขณะที่เช้านี้ปรับขึ้นต่อที่ระดับ 74.45 ดอลลาร์/บาร์เรล +0.11%
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 13.20 ดอลลาร์ หรือ 0.67% ปิดที่ 1,997.70 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการอ่อนค่าของดอลลาร์และการลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ในขณะที่เช้านี้ย่อตัวเล็กน้อยที่ระดับ 1,977.5 ดอลลาร์/ออนซ์ – 0.01%
SPDR Gold Trust ถือครองทองค่า 929.47 / –