สรุปภาวะตลาด

วันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดช่วงการซื้อ-ขาย แรงซื้อมาจากหุ้น DELTA ส่วนแรงขายมาจากหุ้นกลุ่มธนาคาร ซึ่งตลาดหุ้นยังขาดปัจจัยบวกใหม่ ประกอบกับนักลงทุนติดตามการรายงาน PCE เดือนก.พ. ของสหรัฐ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,609.17 จุด +3.75 จุด +0.23% มูลค่าการซื้อขาย 43,168 ลบ.ต่างชาติ -1,437.60 ลบ. TFEX +37,513 สัญญา ตราสารหนี้ +2,783.84 ลบ.

ปัจจัยบวก+

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 415.12 จุด หรือ +1.26% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 3.2% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดตลาดปรับตัวขึ้นมากที่สุดในไตรมาสแรกนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2565 เนื่องจากสัญญาณการชะลอตัวของเงินเฟ้อได้เพิ่มความหวังว่า เฟดอาจจะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกในไม่ช้านี้

+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.3 ดอลลาร์ หรือ +1.75% ปิดที่ 75.67 ดอลลาร์/บาร์เรล ในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่ง 9.25% ได้แรงหนุนจากแนวโน้มอุปทานน้ำมันที่ตึงตัว เนื่องจากอิรักระงับการส่งออกน้ำมันบางส่วนจากเขตปกครองตนเองเคอร์ดิสถาน

+ สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 5.0%YoY ในเดือนก.พ. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.1% และชะลอตัวจากระดับ 5.3% ในเดือนม.ค.

+ โอเปกพลัส ประกาศปรับลดการผลิตน้ำมันลงอีก 1.16 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับตลาด ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าการตัดสินใจดังกล่าวของโอเปกพลัสจะส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง

+ ฟิทช์เรทติ้งคาดการณ์ปี 2566 แบงก์ไทยผลงานพื้นตัว หลังตั้งสำรองหนี้สูญลด-สินเชื่อโตต่อเนื่อง

ปัจจัยลบ-

– นายจอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติ ประจำทำเนียบขาวเปิดเผยว่า สหรัฐได้รับข้อมูลใหม่ว่า รัสเซียเตรียมจัดหาอาวุธเพิ่มเติมจากเกาหลีเหนือ โดยแลกเปลี่ยนกับการให้ความช่วยเหลือด้านอาหารแก่เกาหลีเหนือ

– จีนเปิดฉากทบทวนด้านความปลอดภัยของชิปคอมพิวเตอร์ที่นำเข้าจากไมครอน เทคโนโลยี อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปหน่วยความจำรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ซึ่งเป็นการตอกย้ำความขัดแย้งเกี่ยวกับชิปคอมพิวเตอร์ ระหว่างสหรัฐและจีน

– คณะกรรมการกลางด้านการป้องกัน ควบคุม และรักษาโรคโควิด-19 ของเมียนมาประกาศขยายเวลาการใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 จนถึงวันที่ 30 เม.ย. จากเดิม 1 เม.ย.

– ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ เรียกร้องให้รัสเซียปล่อยตัวนายอีแวน เกิร์ชโควิช ผู้สื่อข่าวของวอลล์สตรีท เจอร์นัล หลังถูกจับกุมในข้อหาจารกรรม

– ยอดเงินฝากของธนาคารพาณิชย์สหรัฐทั้งหมดลดลงในสัปดาห์ที่สิ้นสุดในวันที่ 22 มี.ค. สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. แต่ลดลงในอัตราที่ชะลอตัวกว่าในสัปดาห์ก่อนหน้า และยอดเงินฝากเริ่มมีเสถียรภาพสำหรับธนาคารขนาดเล็กซึ่งมีความเปราะบางต่อการแห่ถอนเงินฝากหลังการล่มสลายของธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB)

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีวันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดต่างประเทศ หลังตัวเลข PCE ของสหรัฐชะลอตัว ประกอบกับมี ประเด็นบวกจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ได้แรงหนุนจากโอเปกพลัส ประกาศปรับลดการผลิต มองกรอบดัชนีในวันนี้ ที่ 1,600-1,620 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

  • หุ้น mai เด่นปี 66 : SPA D CEYE AU
  • หุ้นเช่ือมโยงการเมือง : TKS SIRI PR9 SC STEC STPI
  • BOI ส่งเสริมการลงทุนช้ินส่วน EV : EA GPSC BCP DELTA PIMO FPI
  • หุ้นปันผลดี : ADVANC TISCO SCB PT SMIT
  • จำนวนนักท่องเที่ยวปรับตัวเพิ่มขึ้น : AOT BAFS AAV BA MINT CENTEL ERW
  • หุ้นที่ได้ประโยชน์จากโอเปกพลัสลดกำลังการผลิต : PTTEP TOP PTT SPRC BCP

หุ้นรายงานพิเศษ

TACC “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 7.60 บาท

“แนวโน้มรายได้เติบโต 10%YoY แต่คาดกำไรทรงตัวจากปีก่อน ถูกกดดันจากมาร์จิ้นที่อ่อนแอ”

  • งวด 4Q65 มีกำไร 44 ลบ. -23%YoY -29%QoQ โดยมีรายได้ 420 ลบ. +19%YoY +10%QoQ มีปัจจัยสนับสนุนจากการเข้าสู่ช่วง High Season ประกอบกับได้อานิสงส์จากการเปิดเมือง รวมทั้งได้แรงหนุนจากการขยายสาขา 7-Eleven (+704 สาขา YoY, +178 สาขา QoQ) และการจัดกิจกรรมทางตลาดช่วงปลายปี อย่างไรก็ตาม %GPM ปรับลดลงสู่ 30.80% (4Q64 = 38.98%, 3Q65 = 35.14%) โดยหลักมาจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น ประกอบกับสัดส่วนรายได้ในกลุ่มที่มาร์จิ้นน้อยเพิ่มสูงขึ้น อาทิ กลุ่มเครื่องดื่มโถกดเย็น ส่วน %SG&A ปรับสูงขึ้นสู่ 17.60% (4Q64 = 18.56%, 3Q65 = 16.00%) จากค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรทางตลาดในช่วงปลายปีที่เร่งสูงขึ้นตามฤดูกาล โดยทั้งปี 65 มีรายได้และกำไรสุทธิ 1,523 ลบ. +11%YoY และ 235 ลบ. (ใกล้เคียงกับที่คาด) +10%YoY ตามลำดับ
  • เราคาดรายได้ปี 66 ราว 1,683 ลบ. +10%YoY โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากทั้งกลุ่มร้าน 7- Eleven และ Non 7-Eleven โดยกลุ่ม 7-Eleven คาดจะโตดีจากสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลายลง ประกอบกับแผนการขยายสาขาทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่วนกลุ่ม Non 7-Eleven มีแผนขยายการขายไปยังร้าน Cafe ที่เป็นพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ License Business และผลิตภัณฑ์ใหม่ “TRIVA” ไซรัปผลไม้ มีแผนขยายไปยังนอกประเทศมากขึ้น อาทิ กลุ่ม CLMV สิงคโปร์ และมาเลเซีย เป็นต้น อย่างไรก็ตาม คาด %GPM ปรับลงสู่ระดับ 33% จากปีก่อนที่ระดับ 35% จากต้นทุนวัตถุดิบที่ยังคงสูงในช่วง 1H66 เนื่องจากมีการสั่งซื้อไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ปลายปีก่อน ส่งผลให้เราคาดกำไรปี 66 ราว 231 ลบ. -2%YoY อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการยังมีอัพไซต์จากแผน M&A ในกลุ่มธุรกิจอาหารเสริม Health & Wellness ที่คาดจะชัดเจนในช่วง 2Q66
  • ความเห็น เรามีมุมมองเป็นกลางต่อผลประกอบการปี 66 โดย คาด 1H66 จะถูกกดดันจากต้นทุนผลิตที่ทรงตัวสูง แต่คาดจะทยอยดีขึ้นตั้งแต่ช่วง 2H66 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม บริษัทยังอยู่ในระหว่างการเจรจาปรับขึ้นราคากับคู่ค้า หากสําเร็จจะเป็นอัพไซต์ต่อประมาณการปี 66 โดยเราประเมินราคาเหมาะสมราว 7.60 มีอัพไซต์ 26% จึง “แนะนํา ซื้อ”

หุ้นมีข่าว

(+) ประเด็นบวกกลุ่มโรงกลั่น โรงกลั่นน้ำมันระเบิดในอินโดนีเซีย บาดเจ็บ 9 ราย เกิดเหตุระเบิดที่โรงกลั่นน้ำมันของกำลังเปอร์ตามินา อินเตอร์เนชันแนล โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นที่โรงกลั่นน้ำมันในเมืองดูไม จังหวัดรีเยา ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะสุมาตรา ทางโฆษกของ KPI กล่าวว่า หน่วยงานหลายแห่งได้รับผลกระทบและต้องยุติการดำเนินงานจากการระเบิดและเพลิงไหม้ แต่บางส่วนยังปฏิบัติงานตามปกติ และได้เริ่มดำเนินการฟื้นฟูแล้วหลังจากไฟดับลง (อินโฟเควสท์)

(+) SEAFCO (Bloomberg consensus 4.30 บาท) คว้างานใหม่ส่งท้ายไตรมาส 1/2566 เติมพอร์ต เพิ่ม 5 โครงการ มูลค่ารวม 228.50 ล้านบาท ฟากโบรกมองแนวโน้มผลงานดีต่อเนื่องตามทิศทาง Backlog ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คงกำไรปี 2566 แต่แนวโน้มอาจดีกว่าคาด ประเมินไตรมาส 1/2566 ฟื้น เป็นกำไร ชูเป้าหมาย 5.20 บาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SSP (Bloomberg consensus 13.10 บาท) ตั้งเป้ารายได้ปี 2566 รายได้ 3.1 พันล้านบาท รับเก็บเกี่ยวขายไฟพุ่ง พร้อมเล็งทุ่มงบราว 3 หมื่นล้านบาท อัพฐานไฟฟ้ากรีนฟิล-ซื้อกิจการ เปิดช่องรับทรัพย์เพิ่ม ผู้บริหาร “ชยุตม์ หลีหเจริญกุล” วางเกมอัพกำลังผลิตไฟฟ้า แตะ 500 เมกะวัตต์ ในปี 2568 (ที่มา ทันหุ้น)

(+) JSP (Bloomberg consensus – บาท) ดึง “เอ เกรทฟุล ริช” ผลิตเครื่องจักรสำหรับยาน้ำ เตรียมดันต่อยอดวงการแพทย์ ติดตั้งเครื่องจักรภายในไตรมาส 2/2566 นี้ พร้อมเตรียมจำหน่ายเชิงพาณิชย์กลุ่มโรงพยาบาลชั้นนำ หวังดันรายได้ปีนี้ชนเป้าโต 20-30% (ที่มา ทันหุ้น)

ปัจจัยจับตาในประเทศ

  • 18-21 เม.ย. หุ้นกลุ่มธนาคารส่งงบการเงินงวด 1Q66
  • 14 พ.ค. เลือกตั้ง

ปัจจัยจับตาต่างประเทศ

  •  3 เม.ย. กำหนดการประชุมของกลุ่มโอเปกพลัส เกี่ยวกับนโยบายการผลิตนํ้ามัน
    • จีน รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนมี.ค.จากไฉซิน
    • อียู รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนมี.ค.จากเอสแอนด์พี โกลบอล
    • สหรัฐ รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) กาคการผลิตเดือนมี.ค.จากเอสแอนด์พี โกลบอล ดัชนีภาคการผลิตเดือนมี.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)
  • 4 เม.ย. อียู รายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน ก.พ.
    • สหรัฐ รายงานตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือน ก.พ. ยอดสั่งชือภาคโรงงานเดือนก.พ.
  • 5 เม.ย. อียู รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซี้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนมี.ค.จากเอส แอนด์พีโกลบอล
- Advertisement -