KS Daily View 05.04.2023 >>> กรอบ SET 1,595-1,630 จุด ตลาดกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอย หุ้นแนะนำวันนี้ KTC, BDMS

สรุปภาวะตลาดเมื่อวานนี้

ต่างประเทศ: ดัชนี DJIA -0.59%, S&P 500 -0.58%, NASDAQ -0.52% โดย Sector ที่ outperform ใน S&P 500 ได้แก่ Utilities (+0.52%), Communication Services (+0.31%), Healthcare (+0.02%);  เป็นต้น Sector ที่ underperform ใน S&P 500 ได้แก่ Industrials (-2.25%), Energy (-1.72%), Materials (-1.47%) เป็นต้น

ในประเทศ: SET Index ปรับตัวลดลง -6.32 จุด หรือ -0.39% ปิดที่ 1,594.05 จุด โดยหุ้นที่ปรับขึ้นแรง ได้แก่ BDMS (+2.62%), FORTH (+2.38%), KEX (+1.86%) เป็นต้น ส่วนหุ้นที่ปรับลงแรง ได้แก่ SINGER (-3.91%), SPRC (-3.60%), CBG (-3.51%) เป็นต้น

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ

คาดตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1595-1630 จุด ต่างชาติกลับมาขายสุทธิ 1,348.71 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยน่าจะได้รับแรงกดดันจากตลาดหุ้นทางฝั่งสหรัฐที่ปิดลดลง จากความกังวลตัวเลขข้อมูลเศรษฐกิจและแรงงานที่อ่อนแออย่างการเปิดรับสมัครงาน JOLTs ที่ลดลงเหลือ 9.931 ล้านตำแหน่ง และ GDPNow ที่ปรับลดลง GDP สหรัฐไตรมาส 1 จะขยายตัวเพียง 1.7% ทำให้นักลงทุนกังวลว่าการเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ อาจส่งผลให้เศรษฐกิจถดถอย โดยคาดว่ามูลค่าการซื้อขายยังเบาบาง จากการที่เดือน เม.ย. ตลาดหุ้นไทยมีวันหยุดยาว  โดยรวมในเชิงกลยุทธ์แนะนำลงทุนหุ้น 2 กลุ่มคือ กลุ่ม Quality growth และกลุ่ม Defensive

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1. สหรัฐ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 1.7% ในไตรมาส 1/2566 ลดลงจากคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 2.5%

2. สหรัฐ สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือน ก.พ. ปรับตัวลดลง 9.931 ล้านตำแหน่ง น้อยกว่าที่คาวไว้ที่ 10.4 ล้านตำแหน่ง และน้อยกว่าครั้งก่อนที่ 10.563 ล้านตำแหน่ง ตัวเลข JOLTS นับเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสนใจ โดยมองว่าเป็นมาตรวัดภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นปัจจัยในการพิจารณานโยบายการเงิน และอัตราดอกเบี้ยของเฟด

3. ยุโรป นายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า รัสเซียจะจับตาอย่างใกล้ชิด หลังจากที่ฟินแลนด์เป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) อย่างเป็นทางการ “หากนาโตส่งกำลังทหารเข้าประจำการในฟินแลนด์ รัสเซียก็จะดำเนินการตอบโต้” นายเพสคอฟกล่าว ทั้งนี้ นาโตประกาศรับรองอย่างเป็นทางการให้ฟินแลนด์เป็นสมาชิกรายที่ 31 ในวานนี้ ฟินแลนด์เป็นประเทศในสหภาพยุโรป (EU) ที่มีชายแดนยาวที่สุดติดกับรัสเซีย โดยมีชายแดนร่วมกันความยาวถึง 1,300 กิโลเมตร ทำให้นาโตขยายชายแดนติดกับรัสเซียเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

1. หุ้นที่มีปัจจัยบวกหนุนหรือทิศทางผลประกอบเติบโต (Quality Growth) ได้แก่ 1.1) BE8 ราคาพื้นฐาน 69.08 บาท ได้ประโยชน์จากความต้องการบริการด้าน Cyber securities เพิ่มขึ้นหลังเกิดเหตุการณ์โจรกรรมข้อมูลคนไทย 55 ล้านราย นอกจากนี้ทางรัฐมนตรีกระทรวงไอซีทีนัดถกสถาบันการเงิน แก้ปัญหาโจรกรรมข้อมูลผ่าน Mobile Banking ด้วย มอง BE8 ได้ประโยชน์จากธีมดังกล่าวผ่านในเครือคือ บริษัทเบย์คอมที่เป็น 1 ใน 3 ของผู้นำด้าน Cyber Security ของไทย 1.2) GUNKUL ราคาพื้นฐาน 4.65 บาท เก็งกำไรบนธีมการประโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน 5,203 MW โดย GUNKUL ตั้งเป้าหมายที่จะได้รับ 1,000MW ทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม จากกำลังการผลิตปัจจุบันของ GUNKUL ที่ 500 MWe โดยคาดประกาศผลผู้ชนะในสัปดาห์หน้า และ 1.3) KLINIQ (ราคาพื้นฐาน 48.10 บาท) ตั้งเป้ารายได้ปี 2566 ที่ 2 พันลบ. เติบโต 22% YoY ด้วยอัตรากำไรสุทธิ 13% เพิ่มขึ้นจาก 12.5% จากการเปิด 10 สาขาใหม่ในปีนี้ เพิ่มกิจกรรมการตลาด เปิดศูนย์ศัลยกรรมใหม่รองรับความต้องการลูกค้าต่างชาติ และควบคุมต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

2. กลุ่ม Defensive ที่จะช่วยลดความผันผวน/ความเสี่ยงของพอร์ทการลงทุนรวม แนะนำ 2.1) CK ราคาพื้นฐาน  33.34 บาท มีค่า beta ไม่สูงเพียง 0.52x มี holding discount company -40% และคาดได้ประโยชน์จากการเร่งลงทุนงานภาครัฐหลังเลือกตั้งเดือน พ.ค.​ และ 2.2) ADVANC ราคาพื้นฐาน 234 บาท มีค่า beta ไม่สูงเพียง 0.62x ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศหนุนรายได้ฟื้นตัว การแข่งขันในตลาดที่ดีขึ้นหนุนอัตราการทำกำไร และคาดการซื้อกิจการ TTTBB และ JASIF จะช่วยเพิ่มมูลค่า 7.65 บาทต่อหุ้น

หุ้นแนะนำวันนี้

Top pick:

KTC (ราคาพื้นฐาน 62 บาท) ราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาจากต้นปีราว 10% ส่งผลให้มีอัพไซต์จากราคาเป้าหมายราว 16% ด้วยมูลค่าปัจจุบันน่าสนใจจากการซื้อขายที่ระดับ PER 17 เท่า หรือต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PER ที่ -0.5SD เราคาดว่ากำไรน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 1 ปี 2023 โดยคาดกำไรอยู่ที่ 1.79 พันล้านบาท (+7% QoQ, +2% YoY) จากต้นทุนเครดิตที่ต่ำและการขยายตัวของสินเชื่อ และการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ที่ดี

BDMS (ราคาพื้นฐาน 33.90 บาท) ราคาหุ้นขณะนี้ซื้อขายที่ PER ปี 66-67 ต่ำกว่าระดับเฉลี่ย 13 ปีก่อน เป้าการเติบโตของรายได้ปี 66 อยู่ที่ 6-8% ได้แรงหนุนจากการเติบโตของรายได้ทั้งในและนอกประเทศ โดยคาด EBITDA margin ที่ 24% เราคำนวณมูลค่าหุ้น BDMS ด้วยวิธี DCF โดยใช้ WACC ที่ 7.1% สะท้อน PER ปี 2567 ที่ 34.6 เท่า หรืออยู่ระหว่าง 1SD (39.9 เท่า) และระดับเฉลี่ย 13 ปีก่อนของ BDMS ที่ 32.4 เท่า และสะท้อนอัตราเงินปันผลตอบแทนปี 2566 ที่ 1.9%

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันพุธ ติดตาม ตัวเลขเงินเฟ้อเดือน มี.ค. ของไทยคาด +3.5% YoY และตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐานของไทยเดือน มี.ค. คาด +1.82% YoY ตัวเลข Jibun Bank Services PMI ของญี่ปุ่น เดือน มี.ค.​ คาด 54 จุด ตัวเลข S&P Global Services PMI ของยุโรป เดือน มี.ค. คาด 55.6 จุด (เทียบเดือนก่อนหน้าที่ 52.7 จุด) ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ​ โดย ADP เดือน มี.ค.​ คาด +205K (เทียบเดือนก่อนหน้าที่ +242K) ตัวเลข ISM Non-Manufacturing PMI ของสหรัฐฯ​ เดือน มี.ค.​ คาด 54.5 จุด (เทียบเดือนก่อนหน้าที่ 55.1 จุด) และปริมาณสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ
  • วันพฤหัสฯ ติดตาม ตัวเลข Caixin Service PMI ของจีน เดือน มี.ค.​ คาด 54.8 จุด (เทียบเดือนก่อนหน้าที่ 55 จุด) ตัวเลข Industrial production ของเยอรมัน เดือน ก.พ.​ คาด +0.3% MoM ตัวเลข Initial Jobless Claim ของสหรัฐฯ รายสัปดาห์คาด +205K (จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 198K)
  • วันศุกร์ ติดตาม ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทยเดือน มี.ค. ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน มี.ค.​ โดยนักเศรษฐศาสตร์ประเมิน +238K (ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ +311K) อัตราการว่างงานจะทรงตัว MoM ที่ 3.6% และค่าจ้างรายชั่วโมงปรับตัวขึ้น +0.3% MoM และ +4.3% YoY
- Advertisement -