รอจับตาตัวเลขจ้างงาน / 1,560-1,580
มุมมองตลาดหุ้นวันนี้
- แกว่งแคบ…รอจับตาตัวเลขจ้างงาน: คาด SET Index เช้านี้แกว่งตัวกรอบแคบท่ามกลางมูลค่าซื้อขายเบาบาง หลัง ตลาดหุ้นสำคัญๆ อย่างฮ่องกง, สิงคโปร์ และต่อเนื่องไปทางฝั่งยุโรปและสหรัฐฯ ปิดทำการในวันนี้ (Good Friday) ขณะที่ตลาดหุ้นไทยก็เตรียมเข้าใกล้ช่วงวันหยุดยาวในสัปดาห์หน้า ทำให้ช่วงสั้นทางฝ่ายคาดตลาดจะเลือกเล่นและเน้น Selective Plays หุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัวเป็นหลัก โดยปัจจัยภายในประเทศคาดมีแรงเก็งกำไรจาก i) เงินเฟ้อที่ออกมาต่ำกว่าที่คาด และต่ำสุดในรอบ 15 เดือน และ ii) การประกาศผลคัดเลือกโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 5,203MW นอกจากปัจจัยบวกที่มีก่อนหน้าอย่างการเลือกตั้งและยานยนต์ไฟฟ้า ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศคืนนี้ตลาดรอจับตาสหรัฐฯ รายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร ซึ่งคาดจะออกมาสอดคล้องกับตัวเลขตำแหน่งงานเปิดใหม่ (JOLTS) และตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนที่เริ่มเห็นสัญญาณอ่อนแอ อีกทั้งยังเป็นการเปิดเผยหลังเกิดวิกฤตภาคธนาคาร เบื้องต้นตลาดคาดเพิ่มขึ้น 239K ซึ่งชะลอตัวจากเดือน ก.พ. 66 ที่เพิ่มขึ้น 311K ทางฝ่ายมองจะกระตุ้นความวิตกต่อการชะลอตัวของศุก. และกดดันตลาดหุ้น แม้จะหนุนโอกาสที่เฟดชะลอการขึ้นดอกเบี้ยก็ตาม สำหรับปัจจัยสำคัญ สัปดาห์หน้าคาดทั่วโลกรอจับตาเงินเฟ้อจีนและสหรัฐฯ ทั้งนี้ตลาดคาดเงินเฟ้อจีนเพิ่มขึ้นรับการกลับมาเปิดประเทศ ส่วนเงินเฟ้อสหรัฐฯ ผสมผสานกัน โดยเงินเฟ้อทั่วไปคาดชะลอลง y-y ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลง หากแต่เงินเฟ้อพื้นฐานคาดเพิ่มขึ้น y-y เล็กน้อย รวมถึงรายงานประชุมเฟดรอบวันที่ 21-22 มี.ค. 66
- กลยุทธ์ลงทุน: 1) Spending+ท่องเที่ยว: AOT, CPN, CRC, HMPRO, SNNP 2) ประกาศผลโรงไฟฟ้า: BGRIM, GULF, GUNKUL, SSP 3) Defensive: BCH, BH, PR9 และ 4) ย้ายฐาน+EV+ก่อสร้าง: AH, AMATA, CK, EA, WHA
ปัจจัยบวก
- นับตั้งแต่ต้นปี BOI ให้การส่งเสริมการลงทุนกิจการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ ชิ้นส่วนสําคัญ และสถานีชาร์จ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 114,000 ล้านบาท โดยในส่วนของการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 86,800 ลบ. เป็นการผลิตรถยนต์ BEV 15 โครงการจาก 14 บริษัท กําลังการผลิตรวม 270,000 คัน
- ก.พาณิชย์เผย CPI เดือน บี.ค. 66 ขยายตัว 2.83% y-y ต่ำสุดในรอบ 15 เดือน ขณะที่ Core CPI เดือน มี.ค. 66 ขยายตัว 1.75% y-y ต่ำกว่าคาดและเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 1.80% y-y และ 1.93% y-y ตามลำดับ มองเป็นอานิสงส์บวกต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค
ปัจจัยลบ
- ศูนย์วิจัยเกียรตินาคินปรับคาดการณ์ GDP ปีนี้ลงจาก 3.6% เหลือ 3.3% ผลจากการส่งออกสินค้าที่คาดจะ ชะลอลงมากกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้า แต่ยังขยายตัวได้จากปีก่อนจากแรงส่งของภาคการท่องเที่ยว ท่ามกลาง การกลับมาของอุปสงค์ที่อั้นอยู่ของนักท่องเที่ยวจีน
- WTO เปิดเผยปริมาณการค้าโลกปี 66 มีแนวโน้นขยายตัวเพียง 1.7% y-y ชะลอลงจากปี 65 ที่ขยายตัว 2.7% y-y หลังมีความเสี่ยงจากปัญหาสงครามที่ยืดเยื้อในยูเครน, ปัญหาเงินเฟ้อ และการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงิน
- IMF ประเมินความตึงเครียดทางการเมืองที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะความขัดแย้งด้านเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐ-จีน จะส่งผลต่อการลงทุนในต่างประเทศ และจะทำให้ GDP ของโลกเสียหายในอัตราส่วนสูงถึง 2% ในระยะยาว
PICKS OF THE DAY
AOT BUY
- เป้าหมาย 73.25/75.00 แนวรับ 70.00/70.75
- 1Q66 นักท่องเที่ยวฟื้นดี: ททท. ฟื้นตัวต่อเนื่อง 1Q66 อยู่ที่ 6.47 ล้านคน จาก 4Q65 ที่ 5.46 ล้านคน และ 1Q65 ที่ 0.50 ล้านคน +18.5% q-q และ +1,199.2% y-y คาดเห็นการฟื้นตัวงบ 2Q66 (ม.ค.-มี.ค.) ของ AOT มีกำไรดีขึ้น y-y, q-q
- นักท่องเที่ยวยังฟื้นตัวตลอดปี: ปกติ 2Q เป็น low season แต่ปีนี้ฤดูกาลไม่กระทบมากเหมือนอดีต จาก นทท. กลับมา โดยเฉพาะจีนที่จะเห็นการเดินทางเข้ามามากขึ้น หลังสายการบินต่าง ๆ เปิดเที่ยวบินไปจีนเพิ่มขึ้น และ 3Q เป็น Golden Week ของจีน ยังเห็นทิศทางที่ดีขึ้นต่อเนื่องจนเข้าสู่ช่วง high season ใน 4Q อีกทั้งคนไทยเที่ยวเพิ่มขึ้นทั้งในและไป ตปท. ส่งผลให้ AOT ฟื้นตัวได้ตลอดทั้งปี
CK BUY
- เป้าหมาย 21.50/22.20 แนวรับ 20.50/20.70
- ปัจจัยลบค่อย ๆ ซาลงไป: ทางฝ่ายมองปัจจัยที่เป็นลบต่อ CK เรื่องรถไฟฟ้าสายสีส้มเริ่มจางลงจากสภาวะ Anchoring Bias และมองในที่สุดจะเป็นเพียง Noise เนื่องจากภาครัฐคงต้องการหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อประชาชนวงกว้างเป็นสำคัญ, ส่วนการเลือกตั้งที่จะประวิงการประมูลงานใหม่ออกไปก่อนได้หลังจัดตั้งรัฐบาลได้คงจะเร่งประมูลในช่วงครึ่งปีหลังเพื่อชดเชย ขณะที่แรงกดดันจากต้นทุนค่าแรงและเชื้อเพลิงเริ่มผ่อนคลายลง
- Backlog เตรียมทะยาน: ทางฝ่ายคาดบริษัทมีโอกาสสูงได้งานหลวงพระบาง และงานจิปาถะอื่น ลุ้นสิ้นงวด 1H66 Backlog อาจไปแตะ 1.5 แสน ลบ. ขณะที่จบปี 66 อาจแตะ 2.6 แสน ลบ.