MARKET STRATEGY
สรุปตลาดวานนี้
SETI ปิดที่ 1,571.13 จุด ลดลง 22.92 จุด (-1.44%) มูลค่าการซื้อขาย 48,882.58 ล้านบาท ถูกกดดันจากแรงขายหุ้น Big Cap, โอกาสการลดดอกเบี้ยของเฟดที่ชะลอลง รวมถึงแรงกดดันจากความกังวล Recession ของเศรษฐกิจโลก
Research Highlight: SET แกว่งตัว sideway ในกรอบ 1560-1588 การซื้อขายชะลอตัวเนื่องจากใกล้วันหยุดยาว
Non-farm pay roll อีก 1 ดัชนี ตลาดให้นํ้าหนัก
- ติดตามการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรสหรัฐ (มี.ค.) โดยตลาดคาดว่าอยู่ที่ระดับ 2.39 แสนตำแหน่ง ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนที่ 3.11 แสนตำแหน่ง หลังจากช่วงต้นสัปดาห์ได้รายงานตัวเลข JOLTs Job Openings (ก.พ.) ลดลงกว่าคาด ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐกำลังชะลอตัวลง อันเป็นผลมาจากการที่เฟด ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา
- หากออกมาตามคาดจะช่วยหนุนให้เฟตตัดสินใจยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม FOMC 2-3 พ.ค. นี้
กระทรวงพาณิชย์ปรับลดคาดการณ์เงินเฟ้อ หลังรายงาน CPI มี.ค. ต่ำคาด
- ก.พาณิชย์ รายงานอัตราเงินเฟ้อ มี.ค. +2.83% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 3.2-3.3% และต่ำที่สุดในรอบ 15 เดือน ด้าน Core CPI มี.ค. ขยายตัวเพียง 1.75%YoY ส่วนภาพ 1Q66 อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยขยายตัว 3.88% ทั้งนี้ได้ให้แนวโน้มในช่วงที่เหลือของปี อัตราเงินเฟ้อจะเข้าสู่กรอบ ธปท.
- ได้ปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 66 เป็น 1.7-2.79% จากเดิม 20-30% เนื่องจากมองว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะไม่ปรับตัวขึ้นเท่าปีก่อน ประกอบกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ทำให้ต้นทุนการนำเข้าน้ำมันดิบและวัตถุดิบต่างๆ ลดลง ส่งผลทำให้ราคาสินค้าและบริการมีแนวโน้มปรับตัวลดลง
- อีกทั้งยังคาดว่าอัตราเงินเฟ้อในไตรมาสที่ 2 นี้มีแนวโน้มชะลอตัวลง YoY จากฐานที่สูงในปีก่อน
- เรามองเป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทย รวมถึงแรงกดดันของกนง. ที่เราให้น้ำหนักมากกว่า 50% จะยุติการขึ้นอัตราดอกเบี้ย และมองว่าที่ระดับ 1.75% เป็นจุดสูงสุดของวัฏจักรอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น คาดว่าจะทำให้กำลังซื้อภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้น โดยเราชอบกลุ่มค้าปลีก-ศูนย์การค้า จากกำลังซื้อของประชาชนที่มากขึ้น การเข้าสู่ช่วงเทศกาล และสภาพอากาศร้อนที่ส่งเสริมให้คนเข้าห้างมากขึ้น แนะนําสะสมหุ้นค้าปลีก : CPALL CRC MAKRO CPN BJC
Update ผลการชนะประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน
- กกพ.ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการพิจารณาคัดเลือกจำนวน 175 โครงการ จาก 386 โครงการ รวมปริมาณเสนอขาย 4,852.26 MW จากกำหนดที่ 5,203 MW
- GULF และ GUNKUL ชนะการประมูลมากที่สุด โดย GULF ชนะประมูล 27 โครงการ 1,623.91 MW ส่วน GUNKUL ชนะประมูล 17 โครงการ 8324 MW ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าจะหนุนให้มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 พันล้านบาท สำหรับ GULF และ มากกว่า 1 พันล้านบาท สำหรับ GUNKUL
- ด้านประเภทผู้ผลิตไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรมที่มีค่า FiT 6.08 บาท/หน่วย พบว่า ETC ชนะการประมูลมากที่สุด 10 โครงการ 80 MW ประเมินการสร้างกำไรสุทธิเพิ่มเติมได้มากกว่า 20 ล้านบาท เมื่ออิง EIRR ราว 18-20%
ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจ
- 12 เม.ย. ดัชนีราคาผู้บริโภค (มี.ค.) // น้ำมันดิบคงคลัง
- 13 เม.ย. รายงานการประชุมของ FOMC)// ดัชนีราคาผู้ผลิต (มี.ค.)
- 14 เม.ย. ดัชนียอดขายปลีก (มี.ค.)
Investment Strategy
- ประเมิน SET Index แกว่งตัว side way แนวรับ 1561/1550 แนวต้าน 1588/1596 เข้าใกล้วันหยุดยาวทั้งของไทยและต่างประเทศ อาจเห็นวอลุ่มการซื้อขายยังเบาบาง ขณะที่ในสัปดาห์นี้-หน้า มีช่วงคาบเกี่ยววันหยุดยาวทั้งของไทยและต่างประเทศ อาจเห็นวอลุ่มการชื้อขายยังเบาบาง
- แนะนำ Selective buy กลุ่ม Big cap. ที่ Laggard HMPRO CPALL CPN AOT KBANK SCB JMT BDMS กลุ่ม Election Rally ADVANC KBANK BBL SC SIRI WHA STEC CPALL EA กลุ่ม Defensive CHG BCH BDMS SISB RATCH GULF ADVANC
Global Markets
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกเล็กน้อยโดยตลาดยังคงถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันนี้
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคาร, กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มเดินทาง ซึ่งช่วยบดบังความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ หลังเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจขบเขา
(+) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดบวกและทําสถิติปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์ติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3 โดยได้แรงหนุนจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ลดลงมากกว่าคาด และกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมัน
(-) สัญญาทองคำตลาด COMEX ปิดลบ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทํากำไร หลังจากสัญญาทองคำพุ่งขึ้นและระดับสูงสุดในรอบ 13 เดือน ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันนี้ เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
หุ้นเคาะไป คุยไป..CK
- CK ประเมินแนวโน้มผลประกอบการปี 66 จะทํา New high ต่อเนื่องตาม backlog ที่ทําสถิติสูงสุดในรอบ 50 ปี หลังรถไฟฟ้าสายสีส้มที่ BEM เป็นผู้ชนะการคัดเลือกและผู้รับเหมา ได้แก่ CK ที่มีประสบการณ์ในการก่อสร้าง Mega project หลายโครงการ จึงประเมินว่ามีโอกาสสูงที่จะสามารถเปิดใช้บริการได้ภายใน 3 ปีครึ่ง ก่อนกำหนดตามสัญญา ขณะที่ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเจรจากับภาครัฐเช่น โครงการ Double Deck กับ กทพ., โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วง เตาปูน – ราษฎร์บูรณะ ที่ BEM พร้อมเข้าเจรจา และหากได้รับการ คัดเลือกจะหนุน Backlog ของ CK ต่อเนื่อง และงานก่อสร้าง โครงการ Luang Prabang Hydropower ของ CKP ที่ได้เจรจาข้อตกลงการซื้อขายไฟฟ้าเสร็จสิ้นแล้ว คาดว่าจะเริ่มงานก่อนสร้างได้ภายในปีนี้ ส่งผลให้ Backlog ไตรมาสแรกปี 2566 ทะลุกว่า 150,000 ล้านบาท และจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มที่คาดว่า BEM จะลงนามได้ใน 30 จะทำให้ backlog เพิ่มขึ้นไปสู่ระดับ 250,000 ล้านบาท ทํา New high และจะ secured รายได้ไปอีก 7-8 ปี ราว 2.5-3.0 หมื่นล้านบาท ด้วย GPM ราว 7-8%
- นอกจากนี้ยังมี upside จากโอกาสที่เข้ารับงานจากโครงการทางด่วนและรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายต่างๆในอนาคต และงานประมูลโครงการอื่นๆ อาทิ โครงการAirport โครงการ Double Track โครงการ Motorway
- ในเชิงกลยุทธ์เรามองว่า CK โดดเด่นด้วย backlog ที่แข็งแกร่ง และได้อานิสงส์ช่วงการเลือกตั้ง หลังจากจัดตั้งรัฐบาลประเมินว่า โครงการขนาดใหญ่หลายแห่งจะเริ่มเปิดตัวและทยอยก่อสร้างมากขึ้น ประกอบกับแรงกดดันด้านแรงงานที่ลดลง และต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่ดีขึ้น ช่วยหนุนให้มาร์จิ้นยังมี room ให้ขยายตัวได้บ้าง