KS Daily View 11.04.2023 >>> คาด SET ขึ้นทดสอบแนวต้าน ก่อนเผชิญการทำกำไรก่อนหยุดยาว กรอบ SET  1,555-1,596 จุด หุ้นแนะนำวันนี้ AEONTS, TKN

สรุปภาวะตลาดเมื่อวานนี้

ต่างประเทศ: ดัชนี DJIA +0.3%, S&P 500 +0.10%, และ NASDAQ -0.03% โดยSector ที่ outperform ใน S&P500 ได้แก่ Industrial +0.90%, Energy +0.65%, Materials  +0.49%, และ Real Estate +0.48% ส่วน Sector ที่ underperform ได้แก่ Communication services -0.69%, Utilities -0.20%, และIT -0.15%

ในประเทศ: SET Index ปรับตัวขึ้น +16.06 จุด หรือ +1.02% ปิดที่ 1,593.13 จุด โดยหุ้นที่ปรับขึ้นแรงได้แก่ TIDLOR (+5.94%), DELTA (+5.91%), THANI (+4.40%), SAWAD (+4.23%)  เป็นต้น ส่วนหุ้นที่ปรับลงแรง ได้แก่ SPRC (-2.73%), TRUE (-1.21%), GUNKUL (-1.0%)  เป็นต้น

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ: เราประเมินตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้แกว่งตัวในกรอบ 1,555 – 1,596 จุด มูลค่าการซื้อขายยังเบาบาง เนื่องจากวันหยุดยาวหลายวัน รอประเมินทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศหลังประกาศตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ คืนวันพุธ ซึ่งจะยืนยันความเชื่อตลาดว่าดอกเบี้ยใกล้จบรอบขาขึ้น นอกจากนี้ให้ติดตามแนวโน้ม ตัวเลข GDP ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนใน 1Q23 นโยบายหาเสียงของพรรคการเมือง รวมถึงผลการเลือกตั้งในเดือน พ.ค. ในเชิงกลยุทธ์ยังแนะนำเลือกหุ้นตามธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และเน้นผสานการลงทุนในหุ้นกลุ่ม Quality growth , Defensive, และกลุ่มพลังงาน ตามลำดับ

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน: 

1.) การรายงานตัวเลขเงินเฟ้อที่จะประกาศในวันที่ 12 เม.ย. (ตลาดคาดเงินเฟ้ออ่อนตัวลงเป็น 5.2% YoY จาก 6.0% YoY เดือนก่อน) หากตัวเลขเงินเฟ้อส่งสัญญาณชะลอตัวตามคาด กอปรกับตัวเลขการจ้างงานที่มีแนวโน้มชะลอตัวในระยะกลาง คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่หนึ่งครั้งในเดือนพค25bps ที่5.25% พร้อมให้น้ำหนักว่ามีโอกาสจะเป็นครั้งสุดท้ายของการขึ้นดอกเบี้ยในรอบนี้ มองจะเป็น sentiment บวกกับหุ้นในกลุ่ม Quality growth

2.) ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่คาดว่าจะเดินทางเข้าไทยมากขึ้นใน 2Q23 โดย ททท. ประเมินว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยที่ประมาณ 2.5 แสนคนในเดือน เม.ย. ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ 1.6 แสนคนต่อเดือนใน 1Q23 และคาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนสะสมทะลุ 1 ล้านคนได้ในเดือนมิถุนายน 2566 มองเป็นบวกกับหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว, ขนส่ง,​ และของฝาก

3.) ติดตามสัญญาณถดถอยของกำไรบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ เร่ิมชัดเจนขึ้น โดยล่าสุดทาง FT ได้รายงานตัวเลขคาดการณ์กำไร 1Q23 ของบริษัทในดัชนี S&P500 ว่าจะลดลง 6.8% YoY ซึ่งต่ำสุดนับแต่ 2Q20 ที่ลดลง -30% YoY โดยปัจจัยที่กดดันกำไรหลักๆมาจากการชะลอตัวของยอดขาย รวมถึงต้นทุนค่าแรง และดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้มีบริษัท 78 แห่งที่ส่งสัญญาณเตือนถึงแนวโน้มกำไรที่แย่ลงของบริษัทซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ 37 บริษัท ทั้งนี้อุตสาหกรรมใน S&P500 ที่คาดว่าจะรายงานกำไรเติบโตใน 1Q23 ได้แก่ Consumer Discretionary, Industrials, Energy, และFinancials, ส่วนกลุ่มที่คาดว่ากำไรจะลดลง YoY ใน 1Q23 ได้แก่ Materials, Healthcare, IT, Consumer Services, และ Utilities

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้ 

1.) หุ้นที่มีปัจจัยบวกหนุนหรือทิศทางผลประกอบเติบโต (Quality Growth) ได้แก่

1.1) KLINIQ ราคาพื้นฐาน 48.10 บาท ตั้งเป้ารายได้ปี 2566 ที่ 2 พันลบ. เติบโต 22% YoY ด้วยอัตรากำไรสุทธิ 13% เพิ่มขึ้นจาก 12.5% จากการเปิด10 สาขาใหม่ในปีนี้ เพิ่มกิจกรรมการตลาด เปิดศูนย์ศัลยกรรมใหม่รองรับความต้องการลูกค้าต่างชาติ และควบคุมต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

1.2) TKN ราคาพื้นฐาน 10.80 บาท และ SNNP ราคาพื้นฐาน 30.30 บาท สินค้าของทั้งสองบริษัทเป็นของฝากที่คนจีนนิยมซื้อกลับไปที่บ้าน และคาดจะเห็นยอดขายเร่งตัวขึ้นใน 2Q23 จากการกลับมาของกลุ่มทัวร์จีน

1.3) D ราคาพื้นฐาน 8.93 บาท คาดกำไร 1Q23 จะเติบโตต่อเนื่อง การขึ้นค่ารักษา 10% ไม่มีผลกระทบลูกค้ายังแนวโน้มดีต่อเนื่องจากลูกค้าต่างชาติกลับมามากขึ้น และคาดจะเร่งตัวใน 2Q23 หลังลูกค้าจีนกลับมา(สัดส่วนประมาณ 20% ก่อนโควิด)

1.4) AEONTS ราคาพื้นฐาน 214 บาท มองเป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์ทางตรงจากนโยบายหาเสียงล่าสุดของพรรคการเมือง ทั้งการอัดฉีดเงินเข้าสู่เศรษฐกิจฐานราก และการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ

2.) กลุ่ม Defensive ที่จะช่วยลดความผันผวน/ความเสี่ยงของพอร์ทการลงทุนรวม แนะนำ

2.1) AOT ราคาพื้นฐาน73.50 บาท ได้ประโยชน์จากแนวโน้มนักท่องเที่ยวที่คาดว่าเร่งตัวขึ้นใน 2Q23 โดยเฉพาะจากกลุ่มทัวร์จีนหลังจำนวนflight บินมากขึ้นและตั๋วถูกลง

2.2) BDMS ราคาพื้นฐาน 33.90 บาท คาดผู้ป่วยต่างชาติยังฟื้นตัวต่อกลับไปสู่ระดับก่อนโควิด ขณะที่ราคาหุ้นซื้อขายที่ระดับค่าเฉลี่ยประมาณ​ 32x

3.) กลุ่มพลังงาน แนะนำ PTTEP ราคาพื้นฐาน 172 บาท เพื่อ hedge กับทิศทางราคาน้ำมันดิบที่คาดว่าจะปรับตัวขึ้นทดสอบระดับ U$90/bbl

ประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวในกรอบ 1555-1596 จุด หุ้นแนะนำวันนี้ AEONTS และ TKN

Top pick:

AEONTS (ราคาพื้นฐาน 214 บาท) ได้ประโยชน์ทางตรงจากนโยบายหาเสียงล่าสุดของพรรคการเมืองทั้งการอัดฉีดเงินเข้าสู่เศรษฐกิจฐานราก และการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทำให้มีโอกาสที่จะเห็น upsides ของบริษัทจากคาดการณ์ที่ 7-10% ต่อปีในปี 2023-24

TKN (ราคาพื้นฐาน 10.80  บาท) คาดกำไรปกติใน 1Q23 ที่ 128 ลบ. (+123.5% YoY, -14.1% QoQ) ด้วยแรงหนุนจากรายได้ที่เติบโต 15% และต้นทุนสาหร่ายราคาถูกที่พอใช้ไปถึง3Q23 นอกจากนี้มองว่ายอดขายของบริษัทจะเร่งตัวขึ้นใน 2Q23 จากการกลับมาของกลุ่มทัวร์จีน

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ:

  • วันอังคาร ติดตาม ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทยเดือน มี.ค. ตัวเลขเงินเฟ้อของจีน เดือน มี.ค.​ คาด +2.0% YoY (vs. เดือนก่อนที่ 1.0% YoY) ตัวเลข PPI ของจีนเดือน มี.ค.​ คาด -1.0% YoY (vs. เดือนก่อนหน้าที่ -1.4% YoY) และถ้อยแถลงของ Fed Harker และ Fed Kashkari
  • วันพุธ ติดตาม ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ เดือน มี.ค. คาด +0.2% MoM และ +5.2% YoY (vs. เดือนก่อนหน้าที่ +0.4% MoM และ +6.0% YoY) และเงินเฟ้อพื้นฐานที่ +0.4% MoM และ +5.6% YoY เงินเฟ้อทั่วไปเดือน มี.ค​. 2023 การประชุมธนาคารกลางแคนาดาคาดคงดอกเบี้ยที่ 4.5% ปริมาณสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ รายสัปดาห์ และ FOMC minutes
  • วันพฤหัสฯ ติดตามตัวเลขส่งออกของจีนเดือน มี.ค.​ คาด -1.1% YoY และตัวเลขนำเข้าของจีนเดือน มี.ค.​ คาด +6.5% YoY ตัวเลข PPI ของสหรัฐฯ​ เดือน มี.ค.​ คาด +0.1% MoM และ +3.1% YoY (จากเดือนก่อนหน้าที่ -0.1% MoM) ตัวเลข Initital Jobless Claim คาด +205K (จากสัปดาห์ก่อนที่ +228K)
  • วันศุกร์ ติดตาม  ตัวเลข Retail sales ของสหรัฐฯ​ เดือน มี.ค.​ คาด -0.4% MoM และตัวเลข Retail sales ex auto ของสหรัฐฯ​ เดือน มี.ค.​ คาด -0.2% MoM ตัวเลข Industrial production ของสหรัฐฯ เดือน มี.ค. คาด +0.2% MoM ตัวเลข Michigan Consumer Sentiment เดือน เม.ย.​ คาด 62.7 จุด (+1.1% MoM) และถ้อยแถลงของ Fed Waller
- Advertisement -