บล.บัวหลวง:
Delta Electronics (Thailand) (DELTA TB/DELTA.BK)
DELTA – Sell before May and go away
ในเดือนที่ผ่านมาราคาหุ้น DELTA ปรับตัวขึ้นไปทำสถิติสูงสุดที่ 1.154 บาท เกินกว่าราคาเป้าหมายของเราที่ 1,000 บาท แม้ว่าราคาหุ้นจะปรับตัวลงมาอยู่ที่ราว 960 บาท แต่เราแนะนำให้นักลงทุนถอยออกมาก่อน ดังนั้นเราจึงปรับคำแนะนำจาก “ซื้อเก็งกำไร” มาเป็น “ขาย”
การแตกพาร์ – บทเรียนจากอดีต
ในวันที่ 7 เมษายน DELTA จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีและลงมติเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้จาก 1 บาท เป็น 0.1 บาท โดยมีแผนจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงหุ้นกับกระทรวงพาณิชย์ภายใน 14 วัน หลังจากนั้น SET จะประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน อาจใช้เวลาเพิ่มอีก 2-3 วันทำการ เพื่อให้มูลค่าที่ตราไว้ใหม่มีผล DELTA คาดว่ากระบวนการนี้จะเสร็จสิ้นภายในสิ้นเดือนเม.ย.หรือต้นเดือนพ.ค.
เราศึกษาหุ้น 10 ตัวที่มีการแตกพาร์ระหว่างปี 2559 ถึง 2565 เราพบว่าหุ้น 6 ใน 10 ตัวที่เราศึกษาปรับตัวลดลงภายในหนึ่งเดือน หลังจากมูลค่าที่ตราไว้ใหม่มีผล โดยมีผลตอบแทนเฉลี่ย -9% มีเพียงแค่ 4 หุ้น ที่ราคาปรับตัวขึ้นโดยมีผลตอบแทนเฉลี่ย 6% เราคาดราคาหุ้น DELTA อาจปรับตัวลงในลักษณะเดียวกัน และนักลงทุนมีแนวโน้มที่จะเทขายตามข่าว (Sell of fact) ดังกล่าว
อาจมีพายุลูกใหญ่รออยู่ข้างหน้า
ในปี 2564 หุ้น DELTA ถูกจัดให้อยู่ในรายการมาตรการเฝ้าระวังตลาด SET 4 ครั้ง โดย 3 ครั้ง อยู่ในระดับ 1 (13 พ.ค. – 2 มิ.ย., 4-23 มิ.ย. และ 24 มิ.ย. – 14 ก.ค.) และ 1 ครั้งในระดับ 2 (16 ก.ค.-5 ส.ค.) แม้จะมีมาตรการเหล่านี้ แต่ราคาหุ้น DELTA ก็ยังปรับตัวขึ้น 19% ซึ่งบ่งชี้ว่ามาตรการดังกล่าวไม่สามารถควบคุมความร้อนแรงของหุ้น อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าวบอกเป็นนัยว่า SET อาจมีมาตรการอื่นๆ ต่อ ในเดือน ก.ย.2564 SET ประกาศปรับนโยบายคัดเลือกหุ้นเข้าดัชนี SET50 ซึ่งทำให้หุ้น DELTA หลุดออกจากดัชนี ซึ่งประกาศดังกล่าวถือเป็นจุดจบของการแรลลี่ของ DELTA ในรอบก่อน โดยราคาหุ้นขึ้นไปพีคที่ 790 บาทในวันที่ 3 กันยายน 2564 และลดลงต่ำสุดที่ 300 บาท ในเดือนมิ.ย. 2565
ในเดือนนี้ DELTA ถูกจัดให้อยู่ในรายการมาตรการเฝ้าระวังตลาดระดับ 1 อีกครั้ง ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. ถึง 21 เม.ย. หากมาตรการนี้ไม่สามารถควบคุมความร้อนแรงของหุ้นได้ อาจมีมาตรการเพิ่มเติมตามมา ด้วยเหตุนี้เราคาดการณ์ว่า DELTA อาจเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ตัวเลขที่แข็งแกร่งในไตรมาส 1/66 ไม่น่าจะเพียงพอ
ยอดขายในไตรมาส 1/66 จะเพิ่มขึ้น QoQ โดยได้แรงหนุนจากผลิตภัณฑ์ EV (ยอดขายที่เกี่ยวข้องกับ Data Center ทรงตัว QoQ) อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นจะถูกกดดันจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า QoQ เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ โดยรวมเราคาดว่ากำไรหลักจะเพิ่มขึ้น 80-90% YoY แต่ลดลง 10-15% QoQ แม้ว่าไตรมาส 1/66 จะเป็นไตรมาสที่แข็งแกร่ง แต่เราเช่ือว่ามูลค่าหุ้นในปัจจุบันนั้นไม่น่าจะยืนระดับได้ เมื่อพิจารณาจากปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ตลาด การซื้อขายที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย 3 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานน่าจะมากที่สุดแล้ว (PER สูงสุดของหุ้นเทคโนโลยีบางตัว) เราปรับราคาเป้าหมายจาก 1,000 บาท มาเป็น 750 บาท