Daily Focus: Selective and Earnings Play 

2023SET Target: 1700

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลง 4.43 จุด โดยมีแรงขายลดความเสี่ยงก่อนเข้าช่วงหยุดยาวสงกรานต์ และรอจับตาตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯเดือน มี.ค. ด้านมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นขึ้นเป็น 4.5 หมื่นลบ. สถาบันในประเทศซื้อสุทธิในตลาดหุ้นบางๆ 337 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหนาแน่นเป็น 2 พันลบ. (สถานะในรายกลุ่มใน Index Futures ไม่มีนัยยะ)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่ง Sideways to Sideways Up โดยมีแนวต้านในกรอบ 1,600-1,610 จุด หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลายตัวเริ่มออกมาผ่อนคลายและชะลอตัวลง เป็นไปในทิศทางที่ทำให้ FED ดำเนินนโยบายการเงินได้ง่ายมากขึ้นในระยะถัดไป อย่างไรก็ตาม ตลาดขยับเพิ่มโอกาสในการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED ใน การประชุมเดือน พ.ค. สู่ระดับ 5-5.25% เพื่อให้มั่นใจว่าเงินเฟ้อจะขยับลงได้ต่อเนื่องในระยะยาว ส่วนโฟกัสหลักของตลาดในสัปดาห์นี้คือตัวเลข GDP 1Q23 ของจีนซึ่งตลาดคาด +4% y-y เริ่มฟื้นตัวดีหลังเปิดประเทศและจะเร่งขึ้นอย่างมีนัยยะใน 2Q23 ส่วนปัจจัยในประเทศอยู่ที่การเริ่มทยอยประกาศกำไร 1Q23 ของกลุ่มธนาคารเริ่มที่ TISCO วันพรุ่งนี้ ขณะที่การหาเสียงเลือกตั้งจะคึกคักมากขึ้นในช่วง 4 สัปดาห์ข้างหน้า ช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยและเป็นบวกต่อ Domestic Play ต่อเนื่อง ส่วน Concern หลักของตลาดในระยะถัดไปจะอยู่ที่การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจากอัตราดอกเบี้ยสูงที่เริ่มทยอยส่งผล ระยะสั้นเน้นเลือกเก็งกำไรหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และคาดกำไร 1Q23 ออกมาแข็งแกร่ง

กลยุทธ์ : เลือกลงทุนในหุ้นที่คาดมีกำไร 1Q23 แข็งแกร่ง // ทยอยสะสมหุ้นเพิ่มในช่วงปรับฐาน

หุ้นเด่นเดือน เม.ย. : AOT, BA, BGRIM, CPN, MAKRO

หุ้นเด่นวันนี้ : BBL

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก IAA Consensus 184.20 บาท
  • ตลาดคาดกำไร 1Q23 แข็งแกร่งที่ 9 พันลบ. +19% q-q, +26% y-y หนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและ NIM ที่เร่งตัวขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ยนโยบายของกนง.
  • Consensus คาดกำไรปี 2023 ฟื้นตัวแกร่ง +16% y-y โดย BBL เป็นหนึ่งในธนาคารที่ได้อานิสงส์จากดอกเบี้ยขาขึ้นมากสุด ขณะที่คุณภาพสินทรัพย์แข็งแกร่งจากสัดส่วนสินเชื่อภาคธุรกิจที่สูง
  • แนวรับ 155-154//150-148 บาท แนวต้าน 160//165 บาท

Fund Flow : 3 วันที่ผ่านมากระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคสุทธิ US$636 ล้าน นำโดยอินโดนีเซีย US$307 ล้าน ตามมาด้วยเกาหลีใต้และไต้หวัน US$278 ล้านและ US$130 ล้าน ตามลำดับ ส่วนไทยและเวียดนามไหลออกประเทศละ US$37-59 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนไปในทิศทางไหลเข้าแต่ปริมาณคาดว่าจะไม่หนาแน่นนัก รอจับตา GDP 1Q23 จีนวันพรุ่งนี้

ประเด็นสําคัญวันนี้

(0) ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวกว่าคาด โดยสำหรับเดือน มี.ค. Headline CPI +0.1% m-m, +5% y-y ต่ำกว่าคาด และชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้า ส่วน Core CPI คาด +0.4% m-m, +5.6% y-y ตามคาดแต่ยังอยู่ในระดับสูง ส่วน Headline PPI – 0.5% m-m, +2.7% y-y ส่วน Core PPI -0.1% m-m, +3.4% y-y ต่ำกว่าคาด และหดตัวจากเดือนก่อนหน้าเป็นครั้งแรก สะท้อนแรงกดดันด้านต้นทุนของผู้ผลิตที่ลดลงชัดเจน ส่วนยอดค้าปลีกหดตัว -1% m-m จากตัวเลขเศรษฐกิจทั้งหมดที่ออกมา ตลาดเพิ่มความน่าจะเป็นขึ้นสู่ระดับ 78.5% ที่ FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 5-5.25% ในเดือน พ.ค. ส่งผลให้ Bond Yield ปรับตัวขึ้น สินทรัพย์เสี่ยงพักตัวหลังจากปรับขึ้นช่วงก่อนหน้า สวนราคาทองคำปรับลง

(+) กลุ่มธนาคารเริ่มประกาศกำไร 1Q23 สัปดาห์นี้ ตัวเลขจาก Bloomberg Consensus คาดกำไร 1Q23 +43% q-q, +7% y-y โดยการฟื้นตัวแรง q-q มาจาก KBANK ซึ่งเป็นผลจากสำรองที่ลดลงอย่างมีนัยยะ หลังตั้งสูงกว่าระดับปกติมากใน 4Q22 โดยรวมการฟื้นตัวของกำไรนอกเหนือจากสินเชื่อที่ฟื้นตัว y-y คือการเพิ่มขึ้นของ NIM เป็นหลักจากการทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีทีผ่านมาตามการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของกนง. เรายังชอบ BBL และ KTB มากที่สุด เนื่องจากได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้นสูงสุด คุณภาพหนี้ที่แข็งแรง และ Valuation ที่อยู่ในระดับต่ำ

(+) MAKRO คาดกำไร 1Q23 ที่ 2.1 พันลบ. -14% q-q จากปัจจัยฤดูกาล แต่ +4% จากธุรกิจค้าส่งที่แข็งแกร่งและรายได้ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ต้นทุนปรับขึ้น โดยเฉพาะค่าไฟและดอกเบี้ย เราคาด SSSG ของ Makro +12% y-y ขณะที่ Lotus’s +1.5% y-y แนวโน้มผลการดำเนินงานในระยะถัดไปจะได้อานิสงส์จากค่าไฟที่ลดในรอบ เดือน พ.ค.-ส.ค. 23 รวมถึงการ Refinance เงินกู้ของ Lotus’s ซึ่งช่วยลดต้นทุนทางการเงิน ขณะที่ฝั่งรายได้คาดฟื้นตัวต่อเนื่องตามเศรษฐกิจและการเลือกตั้ง เรายังคาดกำไรปี 2023 ที่ 1.11 หมื่นลบ. +45% y-y คงราคาเป้าหมาย 46 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 143.22 จุด หรือ -0.42%จุด ปิดที่ 33,886.47 จุด ถูกกดดันจากข้อมูลทางเศรษฐกิจทำให้นักลงทุนกังวลการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก ได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการเชิงบวกของธนาคารรายใหญ่ในสหรัฐ

(0) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดผสม ขณะที่นักลงทุนรอติดตามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐ

(0) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 34.38 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 36 เซนต์ หรือ 0.44% ปิดที่ 82.52 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้แรงหนุนจากการที่สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ให้ความเห็นเกี่ยวกับแนวโน้มอุปทานน้ำมันที่ตึงตัวมากขึ้นในปีนี้ ในขณะที่เช้านี้ ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยที่ระดับ 82.54 ดอลลาร์/บาร์เรล +0.02%

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 39.50 ดอลลาร์ หรือ 1.92% ปิดที่ 2,015.80 ดอลลาร์/ออนซ์ ถูกกดดันจากการที่ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ในขณะที่เช้านี้รีบาวน์ที่ระดับ 2,016.8 ดอลลาร์/ออนซ์ +0.05%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 927.72 / -5.21

- Advertisement -