SET แรงหนุนทองมีแต่ระวังแบงก์ใหญ่ขึ้น XD / 1,585-1,600

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

  • คาดดัชนี SET แกว่ง Sideways และวอลุ่มเบาบาง : คาดได้แรงหนุนจากภายนอกทั้ง 1) กลุ่มแบงก์ในสหรัฐ หลัง Citi Group, JP Morgan และ Well Fargo เผยงบงวด 1Q66 ออกมาเชิงบวก จากรายได้จากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มมากขึ้น และกำไรปรับตัวดีขึ้น และไม่ได้รับผลกระทบจาก SVB ที่ผ่านมา และ 2) ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือน เม.ย. ปรับตัวสูงขึ้นสู่ 63.5 จุด ยังเป็นเครื่องย้ำถึงเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่ง แต่ปัจจัยบวกทั้งสองกลับกดดันให้เฟดมีมุมมอง Hawkish ที่มากขึ้น โดย Fed Watchtool มองโอกาสถึง 82.4% ที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 25 bps ในรอบประชุม 2-3 พ.ค. นี้ ขณะที่ในประเทศมองยังเป็นโทนบวก จากเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัว โดยมีสัญญาณจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคไทยเดือน มี.ค. ระดับ 53.8 จุด สูงสุดรอบ 37 เดือน จะช่วยหนุนอุปสงค์สินเชื่อส่วนบุคคลระยะสั้นและสินเชื่อระยะยาวให้สูงขึ้น กอปรกับการปรับราคาน้ำมันดีเซลสูง ช่วยลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในประเทศ ทำให้ทางฝ่ายยังมองเป็นบวกต่อกลุ่ม Spending โดยเฉพาะในช่วงเลือกตั้งท่ามกลางแรงเก็งกำไรงบกลุ่มแบงก์งวด 1Q66 ที่โดยรวมคาดยังโต q-q อย่างไรก็ตาม แรงหนุนต่อดัชนีตลาดวันนี้อาจถูกจํากัดจากแบงก์ใหญ่สองแห่งจะขึ้น XD ได้แก่ KBANK จะจ่ายเงินปันผล 3.50 บาท และ SCB จ่ายเงินปันผล 5.19 บาท ซึ่งคาดกระทบ SET ราว 2.11 จุด นอกจากนี้ปริมาณการซื้อขายอาจยังเบาบาง หลังเปิดทำการวันแรกจากหยุดยาว โดยมีปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ งบฝั่งสหรัฐ ส่วนอังคารนี้ GDP จีน 1Q66 ตลาดคาด +4%y-y
  • กลยุทธ์ลงทุน: 1) Spending+ท่องเที่ยว: ADVANC, AEONTS, AOT, CENTEL, KTC, MTC, SPA, SPALI, THANI 2) คาดงบ 1Q66+เก็งหุ้น XD: SICT, TISCO และ 3) ยานยนต์และนิคมฯ: AMATA, AH, EA, NEX, SAT, WHA

ปัจจัยบวก

  • China Daily คาดการท่องเที่ยว ตปท.ของจีนจะสูงขึ้นในช่วงหยุดวันแรงงาน 29 เม.ย.-3พ.ค. นี้ โดยมีไทย เป็นหนึ่งในทางเลือกยอดนิยม
  • ที่ประชุมสภากรุงเทพฯ เห็นชอบญัตติเปลี่ยนรถประจำทางในกรุงเทพฯ ทั้งหมดจะเป็นรถ EV ภายใน 7 ปี
  • IMF มอง BOJ มีความยืดหยุ่นในการควบคุม Bond Yield 10 ปีได้ดี เพื่อบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% และผู้ว่า BOJ คนใหม่ยังมีความตั้งใจให้อัตราดอกเบี้ยระดับต่ำต่อไป
  • NBS จีนเผยดัชนีราคาบ้านใหม่ 70 เมือง เดือน มี.ค.66 เพิ่มขึ้น 0.44% สะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน และทําให้คลายความกังวลต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ในจีน

ปัจจัยลบ

  • จีนวางแผนกำหนดเขตห้ามบินทางตอนเหนือของไต้หวันวันที่ 16-18 เม.ย. นี้ เพื่อใช้เป็นปฎิบัติการซ้อมรบ และตอบโต้ ปธน. ไต้หวันที่เยือนสหรัฐที่ผ่านมา อาจส่งผลกระทบต่อเที่ยวบินภูมิภาค
  • JP Morgan เตือนอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และดอลลาร์ที่แข็งค่า จะทำให้นักลงทุนและภาคธุรกิจเสี่ยงกับต้นทุนกู้ยืมที่สูงขึ้น โดยสหราชอาณาจักรอาจเผชิญวิกฤตหนี้สาธารณะ
  • คณะเสนาธิการทหารร่วมเกาหลีใต้รายงานตรวจพบเรือจากเกาหลีเหนือละเมิดเส้นแบ่งอาณาเขตทะเลเหลือง และได้ยิงกระสุนเตือน

PICKS OF THE DAY

KTC BUY

  • เป้าหมาย 57.75/59.00 แนวรับ 55.25/56.00
  • ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรยังมีแนวโน้มโตต่อเนื่อง: จากการเปิดประเทศ การเข้ามาของนักท่องเที่ยว การกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ รวมไปถึงการเลือก ตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น คาดว่าจะทำให้ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรจะเติบโตต่อเนื่อง จากในขณะนี้ได้เติบโตสูงกว่าช่วงก่อน COVID-19 ไปแล้ว ซึ่งส่งผลดีต่อทั้งการเติบโตของสินเชื่อ รวมไปถึงรายได้ค่าธรรมเนียมด้วย
  • คาดกำไร 1Q66 เติบโตทั้ง y-y และ q-q: คาดว่า KTC จะมีกำไร 1Q66 1.8 พันลบ. เพิ่มขึ้น 3.2% y-y จากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อ และคาดว่ารายได้ค่าธรรมเนียมจะเพิ่มขึ้นด้วย ถึงแม้จะคาดว่าการตั้งสำรองและค่าใช้จ่ายจะเพิ่มสูงขึ้น และคาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้นด้วย 8.3% q-q จากการตั้งสำรอง และค่าใช้จ่ายที่ลดลง

SPALI BUY

  • เป้าหมาย 23.30/23.90 แนวรับ 22.20/22.40
  • ยอดขายโตต่อ: Presale 1Q23 9,023 ลบ. +2%y-y และยังทำได้ตามค่าเฉลี่ยของเป้าที่วางไว้ในปีนี้ที่ 36,000 ลบ. โดยเฉพาะ คอนโด ตจว. ขายได้เพิ่ม +109%y-y แรงซื้อจากต่างชาติในจังหวัดเป้าหมาย(Destination)-หัวเมืองท่องเที่ยว เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา, Spali เป็นผู้เข้าไปลงทุนในภูเก็ตเป็นบริษัทแรก ทำให้มีที่ดินอยู่ในมือค่อนข้างได้เปรียบกว่ารายอื่น
  • PE ต่ำ: PE ปัจจุบัน 5.4 เท่า อยู่ในโซนต่ำสุดของช่วงปี 63 ที่โควิดระบาดหนัก และยังต่ำกว่าระดับอุตสาหกรรม, ประกาศ XD 8 พ.ค. 66 ที่ 0.75 บาท/หุ้น
- Advertisement -