ASL ANALYSIS GUIDE

ประเมิน SET Index แกว่งตัว Sideway to sideway down หลังไม่ผ่านยืนระดับ 1,600 เกิดแรงขายเล่นรอบระยะสั้นหากย่อตัวลงไม่ควรต่ำกว่าจุดต่ำก่อนหน้าที่ 1,571-1,569

ประเด็นการลงทุน
1. ตลาดยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ ยังกังวลเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ย
2. KTB และ TTB รายงานงบออกมาดีกว่าคาด
วันนี้เคาะ PR9 แนวโน้ม 1Q66 มีโอกาสเติบโตได้ YoY (ลดลง QoQ เล็กน้อยจากผลของฤดูกาล) เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ยังไม่มีการเปิดประเทศโดยมองการเติบโตในทุกส่วนคนไข้ทั้ง IPD และ OPD

 

MARKET STRATEGY

สรุปตลาดวานนี้ SETI ปิดที่ 1,580.73 จุด ลดลง 13.12 จุด (-0.82%) มูลค่าการซื้อขา 55,197.94 ล้านบาท มีแรงกดดันจากแรงขายหุ้นขนาดกลางและขนาดใหญ่ออกมากดดัน รวมถึงหุ้นในกลุ่มแบงก์ที่มีแรงขายออกมา

Research Highlight: เข้าสู่ Earnings Season ของกลุ่มธนาคาร

ตลาดยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ ยังกังวลเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ย

  • ภาพรวมการลงทุนทั่วโลกยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่มาหนุนตลาด นอกจากตอบรับกับผลประกอบการ โดยทั้ง US bond yield และ Dollar index ยังแกว่งตัว sideway ขณะที่ตลาดยังคาดการณ์ว่าเฟดจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุม 2-3 พ.ค. นี้ ก่อนที่จะคงระดับดังกล่าวไปตลอดทั้งปี  ซึ่งการคาดการณ์ดังกล่าวก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง เนื่องจากเป็นระดับคาดการณ์ที่สูงสุดแล้ว
  • ทั้งนี้ต้องติดตามความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดก่อนการประชุม FOMC

KTB และ TTB รายงานงบออกมาดีกว่าคาด

  • KTB รายงานทําไรสุทธิ 1Q66 ที่ 1 หมื่นล้านบาท (+24%QoQ, +15%YoY) มากกว่าที่ตลาดคาด จากพอร์ตสินเชื่อที่มุ่งเน้นการเติบโตอย่างมีคุณภาพมากขึ้น รวมถึงรายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้น ด้าน C/I ลดลงเหลือ 38.7% ดีกว่าที่คาด จากการจัดการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ขณะที่การตั้งสํารองเพิ่มขึ้น 48%YoY รองรับความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจ ส่งผลให้ Coverage ratio ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 183.2% แม้ว่า NPLs ratio จะลดลงเหลือ 3.22%
  • TTB รายงานกำไรสุทธิ 1066 ที่ 4.29 พันล้านบาท (+12%000, +34.4%YoY) มากกว่าที่ตลาดคาด จากรายได้ดอกเบี้ยที่ปรับขึ้น และการตั้งสํารองที่ลดลง โดย NPLs ratio ลดลงเหลือ 2.69% ทั้งนี้ในเชิง core business ยังไม่มีพัฒนาการทางบวกมากนักเพราะสินเชื่อยังหดตัวอยู่ และรายได้ค่าธรรมเนียมยังทรงตัว

ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจ

  • จํานวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดขายบ้านมือสองเดือนมี.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการขั้นต้นเดือนเม.ย. จากเอสแอนด์พี โกลบอล

Investment Strategy

  • ประเมิน SET Index แกว่งตัว sideway to sideway down หลังไม่ผ่านยืนระดับ 1600 เกิดแรงขายเล่นรอบ ระยะสั้นหากย่อตัวลงไม่ควรต่ำกว่าจุดต่ำก่อนหน้าที่ 1571-1569
  • คาดว่ากลุ่มพลังงานจะกดดันตลาดหลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงแรงเช้าวันนี้ หลุดระดับ 80$
  • แนะนำ Selective buy กลุ่ม Big cap. ที่ laggard HMPRO CPALL CPN AOT KBANK SCB JMT BDMS กลุ่ม Election Rally ADVANC KBANK BBL SC SIRI WHA STEC CPALL EA และ China reopening AOT WHA AMATA CENTEL ERW SISB SNNP TKN

Global Markets

(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบ หลังจากบริษัทจดทะเบียน เปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง ขณะที่ดัชนี Nasdaq ดีดตัวขึ้นปิดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบเล็กน้อยโดยถูกกดดันจาก หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวลงหลังเอเอสเอ็มแอล (ASML) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปของเนเธอร์แลนด์ เตือนเกี่ยวกับแนวโน้มของตลาด  แต่การปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มประกันได้ช่วยลดช่วงติดลบในตลาด

(-) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดร่วงลงกว่า 2% โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และความกังวลที่ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้นํ้ามัน

(-) สัญญาทองคำตลาด COMEX ปิดร่วงลง โดยได้รับปัจจัยลบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ รวมทั้งความกังวลว่าเฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

หุ้นเคาะไป คุยไป..PR9

  • ขณะที่แนวโน้ม 1Q66 มีโอกาสเติบโตได้ YoY (ลดลง QoQ เล็กน้อยจากผลของฤดูกาล) เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ยังไม่มีการเปิดประเทศ โดยมองการเติบโตในทุก ส่วนคนไข้ทั้ง IPD และ OPD โดยเฉพาะคนไข้ต่างชาติในกลุ่ม CLMV และชาวจีน โดยเน้นการรักษาในโรคที่ซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น สามารถเติบโตชดเชยรายได้จากโควิด-19 ในปีก่อนได้ ด้านอัตรากำไรขั้นต้นมองว่าใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่ระดับ 35% ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ใกล้เคียงกับ 4Q65 ลดลงกว่าเล็กน้อยที่ 19% สูงกว่าช่วง 1Q65 แต่โดยรวมแล้วแนวโน้มกำไรสุทธิ ยังเติบโตได้ YoY
  • ด้านแนวโน้มปี 66-67 เรามองว่ารายได้และกำไรสุทธิจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยรายได้มองว่ามีการเติบโตที่ 11% และ 8% ตามลำดับ ขณะที่กำไรสุทธิ เรามองเติบโต 13% และ 11% ตามลำดับ เนื่องจากแนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นทั้งปี 66 จะสูงกว่าในช่วงปี 65 ที่ยังไม่มีการเปิดประเทศในช่วงครึ่งปีแรก แนวโน้มการเพิ่มศูนย์แพทย์ การรักษากลุ่มโรคยากซับซ้อนเพิ่มขึ้น รวมถึงศัลยกรรมพลาสติกเพิ่มขึ้น ขณะที่โดยรวมมองว่าบริษัทจะยังควมคุมอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้ในระดับใกล้เคียงเดิมที่ 18%
- Advertisement -