บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

Action TRADING (Maintain)

TP upside (downside) +9.9%

Close Apr 19, 2023 Price 1.42

12M Target 1.56 

TMBTHANACHART BANK (TTB) กำไรดีกว่าคาด หนุนจาก OPEX และการตั้งสำรองที่ต่ำลง

Earnings Results

  • TTB รายงานกำไรสุทธิ 1Q66 จำนวน 4,295 ลบ. โต 34.4%YoY และ 11.6%QoQ ดีกว่าที่เราและตลาดคาด 11% และ 10% ตามลำดับ
  • แม้มีปัจจัยกดดันจากรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่ปรับลง 16.1%QoQ จากฐานที่สูงใน 4Q65 เพราะเป็นช่วง High Season ของธุรกิจนายหน้าประกันภัย และมีบันทึกกำไรจากการซื้อคืนตราสารหนี้ที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 (AT1) จำนวน 463 ลบ.
  • รวมถึงรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิลดลง 2.3%QoQ ซึ่งเป็นผลจากพอร์ตสินเชื่อที่ลดลง 1.3%QoQ ตามนโยบายปรับพอร์ตสินเชื่อ โดยลดสัดส่วนสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนต่ำมาเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูงแทน ซึ่งในแง่ดีทำให้ Asset Yield ของบริษัทปรับตัวขึ้นเป็น 4.1% จาก 3.9% ใน 4Q65 แต่ยังไม่พอที่จะชดเชยผลกระทบจากต้นทุนทางการเงินที่เร่งตัวขึ้นเป็น 1.3% จาก 1.0% ใน 4Q65 ทำให้ NIM ปรับลงเหลือ 3.0% จาก 3.1% ใน 4Q65
  • อย่างไรก็ดี ปัจจัยลบดังกล่าวถูกหักล้างด้วยประเด็นบวกจากฝั่งค่าใช้จ่ายที่ชะลอตัวลง ทั้งในส่วนของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลง 11.5%QoQ หลังค่าใช้จ่าย Incentive พนักงาน และค่าใช้จ่ายการตลาดลดต่ำลง ทำให้ Cost to Income Ratio ลดลงเหลือ 43.3% จาก 46.3% ใน 4Q65 รวมถึงค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองที่ปรับลง 11.0%QoQ หลังบริษัทเริ่มผ่อนคลายนโยบายการตั้งสำรองให้สอดรับกับการชำระคืนหนี้ของลูกหนี้ในพอร์ตที่แข็งแรงขึ้น อีกทั้งปัจจุบัน TTB มีระดับ Coverage Ratio อยู่ในระดับที่แข็งแรงขึ้นที่ 139.8% ทำให้ความจำเป็นในการเร่งตั้งสำรองลดลงจาก 4Q65

Our Take

  • กำไรสุทธิ 1Q66 คิดเป็น 28.4% ของประมาณการทั้งปี โดยเรายังคงประมาณการเดิม โดยคาดแนวโน้มผลดำเนินงานใน 2Q66 จะปรับขึ้นต่อทั้ง YoY และ QoQ หนุนจากความต้องการสินเชื่อในกลุ่มลูกค้ารายย่อยที่เร่งตัวขึ้น, ความนิยมของสินเชื่อกลุ่ม Cash Your Home และ Cash Your Car, การขยายสินเชื่อในกลุ่ม Digital Loan และการทำ Cross Selling บนฐานลูกค้าสินเชื่อประเภทต่างๆ
  • การตั้งสำรองมีแนวโน้มจะชะลอตัวลงและทรงตัวในระดับที่ต่ำกว่าปีก่อน เนื่องจากปัจจุบันลูกหนี้เริ่มมีความสามารถในการชำระเงินคืนสูงขึ้น ประกอบกับทิศทางเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัวดีขึ้น ทำให้เราคาดระดับ Credit Cost ของ TTB จะลดลงเหลือ 1.26% จาก 1.33% ในปี 2565
  • ส่วน NIM คาดยังมีแนวโน้มปรับลง จากการขยับขึ้นของต้นทุนทางการเงินที่จะมีผลต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี  สอดรับกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากประจำในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่การปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้จะทำได้ช้ากว่า  เพราะพอร์ตสินเชื่อหลักของบริษัทเป็นดอกเบี้ยคงที่ (สินเชื่อเช่าซื้อ และสินเชื่อส่วนบุคคล) เราจึงคงคาดทั้งปี 2566 TTB จะมีกำไรสุทธิ 15,132 ลบ. โต 6.6%YoY
  • เรามองช่วงสั้นตลาดมีโอกาสตอบรับเชิงบวกจากผลดำเนินงาน 1Q66 ที่ดีกว่าคาด แต่ด้วยราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside เหลือเพียง 9.9% จากมูลค่าพื้นฐานเดิมปี 2566 ที่ 1.56 บาท (ถึง Prospective PBV ที่ 0.7x) ทำให้เรามองว่า Upside ของราคาหุ้นค่อนข้างจำกัด จึงคงคำแนะนำ เพียง “TRADING”
- Advertisement -