บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

Action TRADING (Maintain)

TP upside (downside) +11.7%

Close Apr 19, 2023 Price (THB) 10.30

12M Target (THB) 11.50 

Previous Target (THB) 11.50

What’s new?

  • คาด 1Q66 จะมีกำไรสุทธิ 1.5 พันล้านบาท ลดลง -72% YoY จากฐานสูงช่วงวิกฤตพลังงาน รัสเซีย vs ยูเครน แต่คาดกำไรสามารถฟื้นตัว +477% QoQ จากฐานต่ำ หนุนจากค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้น และมีกำไรสต็อกน้ำมันจากการกลับรายการ LCM ในไตรมาสก่อน
  • หาก 1Q66 เป็นไปตามคาด จะคิดเป็น 34% ของคาดการณ์กำไรสุทธิทั้งปี (แต่กำไรปกติจะคิดเป็น 25%) คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ที่ 4.5 พันล้านบาท (-42% YoY)

Our view

  • ผลประกอบการ 1Q66 อยู่ในเกณฑ์ดี และแนวโน้มค่าการกลั่นของ SPRC จะแข็งแกร่งกว่าคู่แข่ง เนื่องจาก Crack Spread น้ำมันเบนซิน ซึ่ง SPRC มีสัดส่วนผลิต 25% สูงสุดในไทย จะได้รับอานิสงค์จาก US Driving Season และการเปิดประเทศของจีน
  • ทั้งนี้ มองว่ายังไม่ต้องรีบเข้าลงทุน เนื่องจาก 1) แนวโน้มงบ 2Q66 ลดลง YoY ไม่เด่น QoQ 2) ความเสี่ยงตั้งสำรองกรณีน้ำมันรั่วไหล 3) ความล่าช้าของท่อ SPM 4) ความกังวลนโยบายพลังงานช่วงหาเสียงเลือกตั้ง 5) หุ้นเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลกที่เปราะบาง

STAR PETROLEUM REFINING คาด 1Q66 ฟื้นตัว QoQ

แนวโน้ม 1Q66 อยู่ในเกณฑ์ดี สามารถฟื้นตัว QoQ จากฐานต่ำ

คาดผลประกอบการ 1Q66 จะมีกำไรสุทธิ 1.5 พันล้านบาท ลดลง -72% YoY จากฐานกำไรระดับสูงใน 1Q65 เนื่องจากเป็นช่วงที่ได้อานิสงส์จากเหตุการณ์ความขัดแย้งรัสเซีย vs ยูเครน ทำให้มีค่าการกลั่นและกำไรสต็อกน้ำมันจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับ 4Q65 ผลประกอบการจะสามารถเติบโตสูง +477% QoQ (จากฐานต่ำ) ประเมินอัตราการกลั่นทำได้ 162kbd ทรงตัว QoQ ขณะที่ค่าการกลั่นจะสูงขึ้นเป็น US$6.4/bbl (+18% QoQ) จากการเพิ่มขึ้นของ Crack Spread น้ำมันเบนซิน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เด่นของ SPRC ด้วยสัดส่วนการผลิตราว 25% (สูงสุดในบรรดาโรงกลั่นของประเทศไทย) อัตรากำไรยังได้รับปัจจัยหนุนจากการปรับตัวลงของต้นทุนน้ำมัน Crude Premium โดยหากอ้างอิง Arab Light OSP 1Q66 จะอยู่ที่ US$2.4/bbl (-58% QoQ) นอกจากนี้ คาดว่าจะมีกำไรสต็อกน้ำมันเล็กน้อยราว 300 ล้านบาท เป็นผลมาจากการกลับรายการขาดทุนต้นทุนสินค้าคงคลัง (LCM) ในไตรมาสก่อน

Crack Margin น้ำมันเบนซิน 3 เดือนข้างหน้าแข็งแกร่ง

แนวโน้มค่าการกลั่น 3 เดือนข้างหน้าของ SPRC มีโอกาสเด่นกว่าโรงกลั่นคู่แข่ง เนื่องจาก Crack Spread ของน้ำมันเบนซิน (SPRC มีสัดส่วนการผลิต 25% สูงกว่าคู่แข่ง) มีปัจจัยหนุนจากความต้องการใช้ช่วงฤดู Driving Season ของสหรัฐฯ ตั้งแต่เดือนพ.ค. – ก.ย. และกิจกรรมการเดินทางที่เพิ่มขึ้นหลังจีนเปิดประเทศเต็มรูปแบบ นอกจากนี้ อัตรากำไรยังมีปัจจัยบวกจากทิศทางการปรับตัวลดลงของค่าขนส่งน้ำมัน

ทั้งนี้ คาด 2Q66 ยังลดลง YoY และไม่เด่น QoQ จากผลิตภัณฑ์ขั้นกลาง

อย่างไรก็ตาม คาดผลประกอบการ 2Q66 ยังมีทิศทางลดลง YoY จากฐานสูง และไม่เด่น QoQ เนื่องจากค่าการกลั่นมีปัจจัยถ่วงจากการปรับฐานของ Crack Spread น้ำมันขั้นกลาง (Middle Distillate) ได้แก่ ดีเซลอากาศยาน  ซึ่งมีสัดส่วนรวมราว 50% โดย 2QTD Crack Spread น้ำมันดีเซล และอากาศยานปรับตัวลดลง 39% QoQ และ 48% QoQ ตามลำดับ ถูกกดดันจาก 1) ความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯ – ยุโรปชะลอตัว เนื่องจากเป็น Commercial oil 2) อุปทานจากรัสเซียและจีนเข้าสู่ตลาดมากขึ้น 3) อุปสงค์ Gas-to-oil Switching ลดลงหลังผ่านฤดูหนาวของยุโรป คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ที่ 4.5 พันล้านบาท (-42% YoY) โดยหาก 1Q66 เป็นไปตามคาด กำไรสุทธิจะคิดเป็น 34% ของคาดการณ์ทั้งปี แต่หากนับเฉพาะกำไรปกติจะอยู่ที่ 25% ของทั้งปี

แนะนำเพียง TRADING…Risk vs Reward ยังไม่จูงใจ

คงคำแนะนำ TRADING ราคาเหมาะสม 11.50 บาท แม้ผลประกอบการ 1Q66 ยังอยู่ในเกณฑ์ดี สามารถฟื้นตัว QoQ และหุ้นได้ประโยชน์จากทิศทาง Crack Spread น้ำมันเบนซินที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม เชิงกลยุทธ์มองว่ายังไม่ต้องรีบเข้าลงทุนเนื่องจาก 1) แนวโน้มกำไร 2Q66 ไม่เด่นลดลง YoY 2) ติดตามความคืบหน้าคดีฟ้องร้องจากกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบกรณีน้ำมันรั่วไหล ปัจจุบันบริษัทฯ ตั้งสำรองไว้ก่อน 7 ล้านเหรียญฯ 3) การกลับมาเปิดใช้งานทุ่นรับน้ำมันกลางทะเล (SPM) ยังมีความล่าช้า 4) หุ้นเป็นกลุ่ม Global Play ที่มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับภาวะเศรษฐกิจโลก ซึ่งปัจจุบันเริ่มเห็นสัญญาณความเปราะบาง โดยเฉพาะภูมิภาคสหรัฐฯ – ยุโรป 5) ความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันช่วงหาเสียงของพรรคการเมือง (คาดบริษัทฯ จะประกาศงบการเงิน 1Q66 วันที่ 10 พ.ค.)

- Advertisement -