บล.ทรีนีตี้:

ธนาคารกรุงเทพ – BBL กำไร 1Q66 ดีกว่าคาด หลังรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มสูง

  • กำไร 1Q66 อยู่ที่ 10,129 ล้านบาท ดีขึ้น 34%QoQ และ 42%YoY ดีกว่าคาด
  • รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยปรับตัวดีขึ้นมาก หลังมีกำไรจากเงินลงทุนมาช่วยหนุน ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิอ่อนตัวลงเล็กน้อยจากการเพิ่มเงินนำส่ง FIDF
  • สำรองหนี้เพิ่มขึ้น หลังสัดส่วน NPL เพิ่มเล็กน้อย และคาดมีการตั้งสำรองส่วนเกิน
  • ปรับประมาณการกำไรปี 66-67 ขึ้นราว 9% มองแนวโน้ม NIM ในช่วงที่เหลือของปีจะปรับตัวดีขึ้น หลังดอกเบี้ยนโยบายยังเป็นขาขึ้นต่อเนื่อง
  • ราคาหุ้นค่อนข้าง Laggard กลุ่มธนาคารใหญ่ คงคำแนะนำ “ซื้อ”

กำไร 1Q66 ดีกว่าคาด หลังรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มสูง

BBL ประกาศกำไร 1Q66 ที่ 10,129 ล้านบาท ดีขึ้น 34%QoQ และ 42%YoY ดีกว่าที่คาดไว้ ก่อนหน้าราว 15% โดยประเด็นสำคัญ คือ รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยที่ดีขึ้นถึง 59%QoQ และดีกว่าที่เราคาดไว้ก่อนหน้า เนื่องจากแนวโน้มรายได้ค่าธรรมเนียมปรับตัวดีขึ้นราว 2%QoQ จากธุรกรรมระหว่างประเทศ และกำไรจากการวัดมูลค่าเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้นตามสภาวะตลาด ซึ่งเราคาดว่าเป็นเงินลงทุนในส่วนของตราสารหนี้ เนื่องจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยตราสารหนี้ในช่วง มี.ค. 66 ปรับตัวลงจากช่วงปลายปี 65 ด้านรายได้ดอกเบี้ยสุทธิอ่อนตัวลงเล็กน้อยราว 1%QoQ จาก NIM ที่อ่อนตัวลงราว 7 bps หลังต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มเงินนำส่ง FIDF และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก แต่ก็มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลอยตัวมาช่วยชดเชย ด้านค่าใช้จ่ายสำรองหนี้เพิ่มขึ้น 7%QoQ หลังสัดส่วน NPL ของธนาคาร ที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 2.93% ใน 4Q65 มาอยู่ที่ 3.04% และคาดว่ามีการตั้งสำรองส่วนเกินเพิ่มเติมด้วย ทำให้ระดับ NPL Coverage Ratio ยังแข็งแกร่งที่ 258%

ปรับประมาณการกำไรปี 66 ขึ้น สะท้อนกำไร 1Q66 ที่ดีกว่าคาด

เราปรับประมาณการกำไรปี 2566-2567 ขึ้นราว 9% จากประมาณการก่อนหน้ามาอยู่ที่ 36,571 ล้านบาท (+25%YoY) และ 40,148 ล้านบาท (+10%YoY) เพื่อสะท้อนคาดการณ์แนวโน้ม NIM ที่อาจดีกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้า และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยใน 1Q66 ที่ค่อนข้างสูง โดยแนวโน้ม NIM ในช่วงที่เหลือของปีอาจเห็นแนวโน้มที่ปรับตัวดีขึ้นจาก 1Q66 เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายปรับตัวขึ้นอีก 0.25% ในเดือน มี.ค. 2566 ที่ผ่านมา ทำให้ธนาคารมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยลอยตัวต่างๆ ในเดือน เม.ย.

ราคาหุ้นยังค่อนข้าง Laggard คงคำแนะนำ “ซื้อ”

จากการปรับประมาณการ เราจึงปรับราคาเป้าหมายปี 2566 ขึ้นเป็น 181 บาท อิง PBV 0.66 เท่า โดยราคาหุ้นปัจจุบันที่ยังซื้อขายที่ระดับ PBV 0.6 เท่า ถือว่ายังค่อนข้าง Laggard กลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ เมื่อพิจารณาในด้านความแข็งแกร่งสำรองส่วนเกิน คงคำแนะนำ “ซื้อ”

ความเสี่ยง: การชะลอตัวของเศรษฐกิจ / คุณภาพหนี้ที่แย่ลง

- Advertisement -