KS Daily View 21.04.2023 >>> ตลาดกังวล Recession ตัวเลขภาคแรงงาน/ อสังหาฯ ชะลอตัว SET คาดวันนี้แกว่งตัวลงในกรอบ 1,555 – 1,596 จุด หุ้นแนะนำวันนี้ BBL, AMATA

สรุปภาวะตลาดเมื่อวันวานนี้

ต่างประเทศ: ดัชนี DJIA -0.33%, S&P 500 -0.60%, และ NASDAQ -0.80% โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 ได้แก่  Consumer Staples +0.06%, Utitlies -0.05%, และ Materials -0.07% ส่วน Sector ที่ underperform ได้แก่ Consumer Discretionary -1.48%, Real Estate -1.19%, และ Energy -0.89% ในประเทศ: SET Index ปรับตัวลดลง -15.63 จุด หรือ -0.99% ปิดที่ 1,565.10 จุด โดยหุ้นที่ปรับลงแรง RBF (-5.4%), CBG (-4.9%), KBANK (-4.2%), และ FORTH (-4.0%) เป็นต้น

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

เราประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวลงในกรอบ 1,555 – 1,596 จุด หลังตลาดกลับมากังวลความเสี่ยง Recession จากตัวเลขภาคแรงงานและอสังหาฯที่ส่งสัญญาณชะลอตัวต่อ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่รายงานกำไร 1Q23 ออกมาดีกว่าคาดเป็นส่วนใหญ่ (BBL, KTB, TTB, BAY) โดยเหลืออีก 2 ธนาคารคือ KBANK และ SCB จะรายงานวันนี้ นอกจากนี้ให้นักลงทุนติดตามแถลงการณ์ของทาง KBANK กรณีความเสี่ยง STARK ผิดนัดชำระหนี้ในวันนี้ด้วย เราประเมินภาพใหญ่นักลงทุนจะยังรอประเมินทิศทางเศรษฐกิจโลกและผลการเลือกตั้งในวันที่14 พ.ค. ในเชิงกลยุทธ์ทาง KS ยังแนะนำผสานการลงทุนในหุ้นกลุ่ม Quality growth , Defensive, และกลุ่มพลังงานตามลำดับ

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1.) ตลาดกลับมากังวลความเสี่ยง Recession หลังจำนวนคนอเมริกันที่ยื่นขอรับสวัสดิการการว่างงานเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้วเป็น 245,000 เทียบกับก่อนหน้านี้ที่ +240,000 ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานกำลังชะลอตัวหลังจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นเวลาหนึ่งปีโดยธนาคารกลางสหรัฐฯ นอกจากนี้ ยอดขายบ้านมือสองลดลง -2.4% MoM 4.44 ล้านหน่วยในเดือนมี.ค. ด้วย ส่งผลให้มีแรงขายสินทรัพย์เสี่ยงโยกเงินกลับไป Safe heaven อย่างพันธบัตร

2.) หุ้นของเทสลา ปรับตัวลง 9.7% หลัง TESLA รายงานอัตรากำไรขั้นต้นรายไตรมาส ต่ำที่สุดในรอบ 2 ปี และส่งสัญญาณว่าจะยังคงเดินหน้าปรับลดราคารถยนต์ต่อไป มองเป็นบวกกับการเติบโตของอุตสาหกรรม EV และบริษัทที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานของ EV เช่น แบตฯ, สินเชื่อ และประกันรถยนต์ เป็นต้น

3.) ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เตรียมลงนามคำสั่งจำกัดการลงทุนของธุรกิจอเมริกันในจีนเพิ่มเติม ขณะที่สหรัฐฯ และพันธมิตรเตรียมออกคำสั่งห้ามการส่งออกสินค้าไปยังรัสเซียทั้งหมด เพื่อเพิ่มแรงกดดันทางเศรษฐกิจต่อประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินด้วย มองปัญหา Geopolitical risks ที่แรงขึ้นจะเป็นบวกกับประเทศที่เป็นกลางอย่างอาเซียน และไทยหนุน FDI ไหลเข้ามากขึ้น

4.) กรมการท่องเที่ยวเร่งแก้ปัญหาแรงงานภาคการท่องเที่ยว โดยเพิ่มตำแหน่งงานมากขึ้นและพัฒนาทักษะที่เกี่ยวข้องด้านการบริการด้านการท่องเที่ยว ด้วยเปิดเพิ่มตำแห่งงานในด้านการท่องเที่ยวที่คิดเป็นเกือบ 20% GDP ของไทยโดยประมาณ เราคาดว่ารายได้กลุ่มเศรษฐกิจ K ขาล่างของไทยจะฟื้นตัวซึ่งเป็นผลบวกกับกลุ่ม leasing เช่น MTC SAWAD TIDLOR HENG SGC

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้ 

1.) หุ้นที่มีปัจจัยบวกหนุนหรือทิศทางผลประกอบเติบโต (Quality Growth) ได้แก่

1.1) KTC ราคาพื้นฐาน 62 บาท กำไร 1Q23 ที่ 1.87 พันลบ. (+7% YoY, 12% QoQ) จาก credit cost ที่ลดลง และสินเชื่อเติบโต 15% YoY หนุนโดยการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตจากการบริโภคและการท่องเที่ยวฟื้น รวมถึงธุรกิจใหม่อย่างสินเชื่อจำนำทะเบียน

1.2) CHAYO ราคาพื้นฐาน 10.10 บาท จากแนวโน้ม cash collection ที่ดีต่อเนื่องใน 1Q23 ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่คาดว่ากำไรปี 2023 จะโต 50% YoY เป็น 451 ลบ.หนุนจากการขายทรัพย์ชิ้นใหญ่

1.3) AMATA ราคาพื้นฐาน 26.50 บาท คาดกำไรปกติปี 2023 เติบโต 11% YoY เป็น 1.65 พันลบ. ขณะที่ AMATA ตั้งเป้ายอดขายที่ดินปีนี้โต 50% YoY เป็น 2,250 ไร่หนุนจากการย้ายฐาน และความเชื่อมั่นภาคเอกชนฟื้นตัวหลังเลือกตั้งกลางปี

2.) กลุ่ม Defensive ที่จะช่วยลดความผันผวน/ความเสี่ยงของพอร์ทการลงทุนรวม แนะนำ

2.1) AOT ราคาพื้นฐาน 73.50 บาท มีค่า beta 0.7x ได้ประโยชน์จากแนวโน้มนักท่องเที่ยวที่คาดว่าเร่งตัวขึ้นใน 2Q23 โดยเฉพาะจากกลุ่มทัวร์จีนหลังจำนวน flight บินมากขึ้นและตั๋วถูกลง

2.2) CK ราคาพื้นฐาน 33.34 บาท มีค่า beta 0.5x คาดงานโครงการรัฐฟื้นตัวหลังเลือกตั้งกลางปี รอรถไฟฟ้าสายสีส้มอนุมัติ หนุน upsides มากกว่า 50% จาก backlog ปี 66 ที่ = 5.3 เท่า ของปี 62 และสูงสุดเป็นประวัติการณ์, กำไรปกติปี 66/67 = 1.8/7.3 เท่า และ MV/EV ปัจจุบันอยู่ที่ 1.16/1.27 เท่า นอกจากนี้ด้วยโมเมนตัมกำไรที่ดี และรายได้จากบริษัทในเครือที่สูงขึ้น ทำให้คาดว่าหุ้นจะเทรดด้วย holding discount ที่ลดลง

และ 2.3) BBL ราคาพื้นฐาน 180 บาท มีค่า beta 0.8x คาดกำไร 1Q23 ที่ 8.8 พันลบ เติบโต 16.5%QoQ และ 24% YoY มองได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และส่วนต่างดอกเบี้ยที่ขยายตัวต่อจากคาดการณ์ กนง. จะขึ้นดอกเบี้ยอีก 25bps. ในเดือน พ.ค.

3.) กลุ่มพลังงาน แนะนำ PTTEP ราคาพื้นฐาน 172 บาท เพื่อ hedge กับทิศทางราคาน้ำมันดิบที่คาดว่าจะปรับตัวขึ้นทดสอบระดับ U$90/bbl

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

  • BBL (ราคาพื้นฐาน 180 บาท) BBL รายงานกำไรไตรมาส 1/66 ที่ 1.01 หมื่นล้านบาท (+34% QoQ, 42% YoY) ซึ่งสูงกว่าที่เราคาดไว้ 15%/11% คาดการประชุม กนง. วันที่ 31 พ.ค. จะขึ้นดอกเบี้ยอีก 25bps. หนุน NIM ของธนาคารปรับขึ้นต่อ
  • AMATA (ราคาพื้นฐาน 26.50 บาท) คาดความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่รุนแรงขึ้นจะเร่งการย้ายฐานการผลิตออกจากจีน หนุนยอดขายที่ดินของ AMATA เติบโต โดยบริษัทตั้งเป้า ตั้งเป้ายอดขายที่ดินปีนี้โต 50% YoY เป็น2,250 ไร่

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันศุกร์ ติดตาม ตัวเลขเงินเฟ้อญี่ปุ่นเดือน มี.ค. คาด 3.2% YoY (เทียบเดือนก่อนหน้าที่ 3.3% YoY) ตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐาน เดือน มี.ค. คาด +3.1% YoY (ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า) ตัวเลข Retail sales ของอังกฤษเดือน มี.ค. คาด -0.5% MoM และ -3.1% YoY ตัวเลข S&P Global Manufacturing PMI Flash ของเยอรมัน เดือน เม.ย. คาด 45.6 จุด (เทียบเดือนก่อนหน้าที่ 44.7 จุด) ตัวเลข S&P Global Manufacturing PMI Flash ของยูโรโซน เดือน เม.ย. คาด 48 จุด (เทียบเดือนก่อนหน้าที่ 47.3 จุด) S&P Global Service PMI Flash ของยูโรโซน เดือน เม.ย. คาด 54.5 จุด (เทียบเดือนก่อนหน้าที่ 54 จุด) ตัวเลข S&P Global Manufacturing PMI Flash ของสหรัฐฯ เดือน เม.ย. คาด 49 จุด (เทียบเดือนก่อนหน้าที่ 49.2 จุด) S&P Global Service PMI Flash ของสหรัฐฯ เดือน เม.ย. คาด 51.5 จุด (เทียบเดือนก่อนหน้าที่ 52.6 จุด) และถ้อยแถลงของ Fed Cook
- Advertisement -