Daily Focus: Domestic and Earnings Play
2023SET Target: 1700
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index พักตัวลงแรงกว่าที่คาด ปิดลบอีก 15.63 จุด ณ สิ้นวัน หลุดต่ำกว่าแนวรับ 1,570 จุด โดยยังมีแรงขายออกมาหนาแน่น โดยเฉพาะหุ้นที่มี PER สูง รวมถึงหุ้นที่มีปัจจัยลบเฉพาะตัวอย่าง KBANK SCB เป็นต้น สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้น 1.4 พันลบ.และ 738 ลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติพลิกมา Short Index Futures 9.1 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index ยังแกว่งตัวลงต่อเนื่องโดยมีแนวรับถัดไปที่ 1,555 จุด หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่งสัญญาณชะลอตัวต่อเนื่อง ขณะที่กลุ่มพลังงานคาดยังถ่วงจากราคานํามันดิบที่ยังปรับลงแรง อย่างไรก็ตาม เรามองหุ้น Domestic Play ยังเคลื่อนไหวได้แข็งแรงกว่า หลังกลุ่มธนาคารที่ประกาศกำไร 1Q23 แล้วส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นของสินทรัพย์เสี่ยงยังถูกกดดันจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่สูงยาวนาน และเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐฯ และยุโรปที่ชะลอ และยังเสี่ยง Recession ทำให้เม็ดเงินยังไหลเข้าหาพันธบัตรและทองคำในระยะนี้ อย่างไรก็ตาม การเติบโตของเศรษฐกิจฝั่งเอเชียรวมถึงไทยที่ดูแข็งแกร่งกว่าคาดว่ายังช่วยจํากัด Downside ได้บ้าง นอกจากนี้หากผลการเลือกตั้งของไทยออกมาในเชิงบวก โดยมีแนวโน้มจัดตั้งรัฐบาลใหม่อย่างมีเสถียรภาพได้จะเป็นปัจจัยหนุนตลาดฯ ใน 2H23-2024 เราจึงยังชอบหุ้น Domestic Play และคาด Outperform Global Play ได้ต่อเนื่อง ระยะสั้นเน้นเลือกเก็งกำไรหุ้นที่คาดกำไร 1Q23 แข็งแกร่ง
กลยุทธ์ : ยังเน้นลงทุนหุ้น Domestic และคาดกำไร 1Q23 แข็งแกร่ง//ทยอยสะสมหุ้นเพิ่มในช่วงปรับฐาน
หุ้นเด่นเดือน เม.ย. : AOT, BA, BGRIM, CPN, MAKRO
หุ้นเด่นวันนี้ : BBL
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก IAA Consensus 184.90 บาท
- กำไร 1Q23 ออกมาที่ 1 หมื่นลบ. +34% q-q, +42% y-y ดีกว่าคาด 11% จากกำไรจากการตีมูลค่ายุติธรรมเครื่องมือทางการเงิน รายได้ดอกเบี้ยโตแกร่งตามดอกเบี้ยขาขึ้น และ NIM ปรับตัวดีขึ้น สํารองมีการปรับขึ้นจากความ Conservative แต่ NPL Ratio ยังคุมได้ดี ทรงตัวจาก 4Q22
- Consensus คาดกำไรปี 2023 ฟื้นตัวแกร่ง +17% y-y โดย BBL เป็นหนึ่งในธนาคารที่ได้อานิสงส์จากดอกเบี้ยขาขึ้นมากสุด ขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ยังแข็งแรง และยังเทรด PBV เพียง 0.6 เท่า
- แนวรับ 155-154//150-148 บาท แนวต้าน 160//165 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลออกจากภูมิภาคอีก US$539 ล้าน โดยกระจุกที่ไต้หวัน US$467 ล้าน เกาหลีใต้ไหลออกบางๆ ส่วนอาเซียนเม็ดเงินผสมผสาน โดยยังไหลออกจากไทย US$22 ล้าน แต่ไหลเข้าฟิลิปปินส์และเวียดนามบางๆ แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนไปในทิศทางไหลออก หลังตัวเลขเศรษฐกิจระยะหลังสะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและยังมีความเสี่ยง Recession สําหรับสหรัฐฯ เม็ดเงินไหลกลับเข้าสินทรัพย์เสี่ยงต่ำอย่างพันธบัตรและสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ
ประเด็นสําคัญวันนี้
(+) COM7 คาดกำไรปกติ 1Q23 ที่ 840 ลบ. -8% q-q, +7% y-y จากยอดขายที่ยังโตสูง จากกลุ่มสินค้า Apple ส่วน IT Product ยังชะลอ ส่วน Margin คาดบางลงเล็กน้อย ยังมองการเติบโตระยะยาวแข็งแรงทั้งการขยายสินค้า Accessories, Trade-in Opportunity จาก Banana Sure และเตรียมออกโปรแกรมผ่อน iPhone และเปลี่ยนรุ่นใหม่ได้ เรายังคาดกำไรปี 2023 ที่ 3.4 พันลบ. +16% y-y คงราคาเป้าหมาย 40 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) ERW คาดกำไรปกติ 1Q23 ที่ 214 ลบ. +7% q-q และพลิกจากขาดทุนใน 1Q22 หนุนจาก RevPar ที่คาดฟื้นตัวต่อเนื่อง และสูงกว่าก่อน COVID-19 ได้ 6% ตามการ Reopening และ High Season ของการท่องเที่ยวไทย ขณะที่การกลับมาของคนจีนจะช่วยหนุนใน 2Q23 เป็นต้นไปชัดเจนขึ้น เรายังคาด ADR ปี 2023 จะสูงกว่าก่อน COVID-19 ได้ 15-20% นำโดยโรงแรมในไทยไม่รวม Hop Inn ยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2023 ที่ 533 ลบ. และราคาเป้าหมาย 5.50 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) NSL เราคาดกำไรปกติ 1Q23 ที่ 78 ลบ. +1% qq, +18% y-y หนุนจากรายได้ที่คาดเติบโตแกร่งและมี SSSG สูงกว่า 7-11 การปรับราคาขายขึ้นและเริ่มรับรู้รายได้จาก Bake a Wish ตั้งแต่เดือน มี.ค. 23 ซึ่งชดเชย Margin ที่คาดชะลอเล็กน้อยจากต้นทุนชีสได้ แนวโน้มกำไรคาดโตต่อเนื่องใน 2Q23 จากปัจจัยด้านฤดูกาลและความก้าวหน้าของธุรกิจใหม่ ทั้งการเพิ่มช่องทางขายข้าวแท่ง การรับรู้รายได้จาก Bake a Wish เต็มไตรมาส และ JV 33% ใน Pen 1 F&B ยังคงประมาณการกำไรปี 2023 ที่ 343 ลบ. +15% y-y และราคาเป้าหมาย 26 บาท แนะนํา “ซื้อ”
(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 110.39 จุด หรือ -0.33% ปิดที่ 33,786.62 จุด ถูกกดดันจากการรายงานผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทเอกชน
(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ กดดันจากการเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทจดทะเบียน
(0) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดผสม ขณะที่เช้านี้ญี่ปุ่นประกาศตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core inflation) เดือนมี.ค. ออกมา 3.1% เท่ากับเดือนก่อนหน้า
(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 34.30 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 1.87 ดอลลาร์ หรือ 2.41% ปิดที่ 77.37 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลต่อเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย รวมถึง สต็อกน้ำมันเบนซินมองสหรัฐที่ปรับเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่ เช้านี้ปรับตัวลงต่อที่ระดับ 77.20 ดอลลาร์/บาร์เรล -0.22%
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 11.80 ดอลลาร์ หรือ 0.59% ปิดที่ 2,019.10 ดอลลาร์/ออนซ์ ได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ในขณะที่เช้านี้ย่อตัวลงที่ระดับ 2,015.20 ดอลลาร์/ออนซ์ -0.19%
SPDR Gold Trust ถือครองทองค่า 926.57 / –