บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action TRADING (Maintain)
TP upside (downside) +11.1%
Close Apr 20, 2023 Price (THB) 83.25
12M Target (THB) 92.50
Previous Target (THB) 74.00
What’s new?
- คาดกำไรปกติ 1Q66 อยู่ที่ 71 ลบ. (-10.9% QoQ, +28.6% YoY) ไม่เด่นแต่สำคัญ เพราะจุดต่ำสุดของปีกำลังจะผ่านไปแล้ว เนื่องจากอยู่ในช่วงการขยายห้องผ่าตัด ทําให้ห้องผ่าตัดเดิมถูกรบกวนในบางเวลาไม่สามารถใช้งานได้เต็มที่
- 2Q66 คาดกำไรฟื้น QoQ มาที่ระดับ 80 ลบ. +/- และคาดทำระดับสูงสุดใหม่ที่ระดับ 100 ลบ.+/- ได้ใน 3Q66 เป็นต้นไป หลังห้องผ่าตัดใหม่แล้วเสร็จใน เดือน พ.ค.
- คาด M&A มีความชัดเจนอย่างน้อย 1 ดีลในช่วงกลางปีนี้
Our view
- เราคงมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของ MASTER
- ปัจจุบัน MASTER อยู่ระหว่างศึกษาการ M&A อยู่ 2- 3 ดีล คาดว่าจะได้ข้อสรุปอย่างน้อย 1 ดีลในช่วงกลางปีนี้เป็น Upside ต่อประมาณการ นอกจากนี้ยังมี Upside จากการใช้ห้องผ่าตัดมากกว่าที่คาด และยังไม่รวมรายได้จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น 60% ของ Skin Care เพื่อสะท้อนการเติบโตและปัจจัยที่ยังไม่รวมในประมาณการ จึงใช้ PER50 เท่า หรือ PEG 1 เท่า ในการประเมินมูลค่า ได้เป้าหมายใหม่ที่ 92.50 บาท
MASTER STYLE ฉันจะปั้นราชินี (Queen Maker)
กำไร 1Q66 ย่อเพื่อทะยาน
เราคาดกำไรสุทธิใน 1Q66 ที่ 71 ลบ. เติบโต 28.6% YoY จากการเพิ่มชั่วโมงการทำงาน เพิ่มจำนวนแพทย์ แพทย์มีชื่อเสียงมากขึ้น และการทำการตลาดมากขึ้น แต่ลดลง 10.9% QoQ จากผลกระทบชั่วคราวของการอยู่ระหว่างก่อสร้างห้องผ่าตัดเพิ่มเติม และขนย้ายกลุ่มธุรกิจที่ไม่ใช่ศัลยกรรมไปศูนย์ใหม่ ทำให้มี เสียงรบกวนหรือต้องพักห้องบางช่วงเวลา ทําให้แพทย์ต้องหยุดการทํางานและมีการรอคิวห้องผ่าตัดยาวนานขึ้น ทําให้ชั่วโมงการทำงานของห้องผ่าตัดลดลงจาก 15 ชั่วโมง/วัน เหลือ 12-13 ชม./วัน เราคาดรายได้ที่ 420 ลบ. (-11.0% QoQ, +76.5% YoY) คาด GPM ทรงตัว QoQ ที่ 55.5% ส่วน SG&A คาดที่ 145 ลบ. ลดลง 10.1% QoQ จากค่าใช้จ่าย FA และค่าใช้จ่าย IPO ลดลง แต่เพิ่มขึ้น 113.8% YoY เนื่องจากยังมีการทำการตลาดเชิงรุกต่อเนื่อง และเป็นการเพิ่มขึ้นตามรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาก YoY เราคาดกำไรสุทธิใน 1Q66 จะเป็นจุดต่ำที่สุดของปี
2Q66 ฟื้นตัว ก่อนทำ New high ใน 3Q66
ปัจจุบันห้องผ่าตัดและศูนย์ความงามแห่งใหม่แล้วเสร็จแล้วราว 85% คาดว่ากำลังการผลิตใหม่ของห้องผ่าตัดอีก 10 ห้องเป็น 17 ห้อง จะแล้วเสร็จภายในเดือน พ.ค. และสร้างรายได้เต็มเดือนในเดือน มิ.ย. เป็นต้นไป ทำให้ห้องผ่าตัดจะกลับมาทำงานได้เต็ม 15 ซม. ได้ในช่วงปลาย 2Q66 คาดจำนวนชั่วโมงเฉลี่ยในการใช้งานห้องผ่าตัดต่อวันจะเพิ่มขึ้นเป็นราว 13 – 14 ซม. ได้ใน 2Q66 นอกจากนี้กลุ่ม Skin care จะมีกำลังการผลิตใหม่เพิ่มขึ้น 60% ช่วยหนุนการเติบโตตั้งแต่ช่วงปลาย 2Q66 ปัจจุบัน MASTER มีแพทย์ ทั้งหมด 42 คน อยู่ระหว่างจัดหาเพิ่มเติมอีก 3 คนในกลุ่ม Skin care, สุขภาพเพศชาย และเพศหญิง ตามลำดับ เพื่อให้สอดคล้องกับกำลังการผลิตและ Demand ที่เพิ่มขึ้น หนุนรายได้ GPM และกำไรสุทธิ เราคาดกำไรสุทธิ 2Q66 เบื้องต้นที่ 80 ลบ.+/- ขณะที่ผลของกำลังการผลิตใหม่ทั้งหมด รวมถึงกำลังการผลิตเดิมกลับมาทำงานได้ 15 ซม./วัน ได้ตามปกติ จะเกิดขึ้นเต็มไตรมาสใน 3Q66 คาดว่าจะส่งผลให้กำไรสุทธิทําระดับสูงสุดใหม่ในระดับ 100 ลบ. ต่อไตรมาสได้ตั้งแต่ 3Q66 เป็นต้นไป
M&A คือ Upside … ปรับราคาเหมาะสมขึ้น
แม้ว่ากำไร 1Q66 จะยังไม่น่าตื่นเต้น แต่เป็นสิ่งที่อธิบายได้จากการขยายกำลังการผลิต ซึ่งจะส่งผลบวกตั้งแต่ 2Q66 เป็นต้นไป เสมือนมีโรงพยาบาลแห่งใหม่ขนาดใหญ่กว่าเดิม เพราะมีจำนวนห้องผ่าตัดเพิ่มขึ้นอีก 10 ห้องจากเดิมมี 7 ห้อง บวกกับเงินสดในมือราว 2,000 ลบ. ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการเข้าซื้อกิจการความงามเพิ่มเติมตั้งแต่หลัง IPO เราคาดว่าน่าจะใกล้ได้ข้อสรุปอย่างน้อย 1 ดีลภายในกลางปีนี้ ซึ่งจะเป็น Upside ต่อประมาณการกำไรของเรา และคาดว่าจะยังมีการ M&A เพิ่มเติมต่อเนื่องหลังจากนี้ แม้ว่าเรายังคงประมาณการกำไรปกติปี 2566 ไว้ที่ 445 ลบ. (+47.7% YoY) แต่เพื่อสะท้อนการเติบโตของกำาไรจากการ M&A และ Upside จากการที่อาจใช้ห้องผ่าตัดมากกว่าคาด (คาดใช้ห้องผ่าตัดเฉลี่ยทั้งปีที่ 48%) เราจึงปรับใช้ PER ในการประเมินมูลค่าจาก 40 เท่า เป็น 50 เท่า (PEG 1x) ได้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ที่ 92.50 บาท มี Upside gain 11.1% คงคำแนะนำ TRADING มองว่าราคาหุ้นที่ย่อลงมา เป็นโอกาสสะสมเพื่อเก็งกำไรการฟื้นตัว เพราะเชื่อว่าหลังรายงานงบ 1Q66 (วันที่ 15 พ.ค.) หุ้นจะกลับมา Outperform
ความเสี่ยงที่สำคัญ: การผิดพลาดของเคสศัลยกรรมที่อาจกระทบความเชื่อมั่น, คู่แข่งในต่างประเทศมีการแข่งขันรุนแรงขึ้น นวัตกรรมใหม่ๆ จำนวนลูกค้าไม่มากอย่างที่คาด ทำให้การใช้ห้องผ่าตัดน้อยกว่าที่คาด