Daily Focus: Domestic and Earnings Play 

2023SET Target: 1700

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลงระหว่างวันแรงกว่าคาด ก่อนที่ท้ายตลาดจะมีแรงซื้อกลับหนุนให้ดัชนีลบช่วงลบเหลือ 6.74 จุด ณ สิ้นวัน และยังยืนเหนือแนวรับ 1,555 จุดได้ โดยกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะ DELTA เป็นตัวถ่วงหลัก ขณะที่กลุ่มธนาคารบวกช่วยประคองตลาดตามคาด อย่างไรก็ตาม สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติพลิกมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 293 ลบ.และ 1.2 พันลบ. ตามลำดับ (แต่ต่างชาติยัง Short Index Futures อีก 1.4 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่ง Sideways โดยมีแนวรับระยะสั้นที่ 1,550- 1,555 จุด โดยสัปดาห์นี้มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญปลายสัปดาห์ คือ GDP 1Q23 ของทั้งสหรัฐฯ และยูโรโซน ซึ่งตลาดยังคาดเห็นการเติบโต q-q รวมถึงเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นปัจจัยกำหนดทิศทางตลาดในระยะถัดไป ส่วนปัจจัยในประเทศ โฟกัสยังอยู่ที่การประกาศผลการดำเนินงาน 1Q23 ของบริษัทจดทะเบียน หลังจากกลุ่มธนาคารออกมาครบแล้ว และดีกว่าคาด ทำให้เชื่อว่าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อฝั่ง Real Sector โดยเฉพาะ Domestic Play ที่จะ ทยอยประกาศในช่วงถัดไป โดยประเด็นค่าไฟอาจกดดันการฟื้นตัวของ Margin อยู่บ้าง แต่จะดีขึ้นใน 2Q23 หลังค่าไฟภาคธุรกิจปรับลงมาเท่าภาคครัวเรือนที่ 4.70 บาท/หน่วย ตลาดคาด FED ขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือน พ.ค. ค่อนข้างแน่สู่ระดับ 5-5.25% ก่อนตรึงในระดับสูงไปยัง 2H23 และคาดให้น้ำหนักกับตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การเติบโตของเศรษฐกิจฝั่งเอเชียรวมถึงไทยที่ดูแข็งแกร่งกว่าฝั่งตะวันตก คาดว่ายังช่วยจำกัด Downside ขอดัชนีได้บ้าง นอกจากนี้หากผลการเลือกตั้งของไทยออกมาในเชิงบวก โดยมีแนวโน้มจัดตั้งรัฐบาลใหม่อย่างมีเสถียรภาพได้จะเป็นปัจจัยหนุนตลาดฯใน 2H23-2024 เราจึงยังชอบหุ้น Domestic Play และคาด Outperform Global Play ได้ต่อเนื่อง ระยะสั้นเน้นเลือกเก็งกำไรหุ้นที่คาดกำไร 1Q23 แข็งแกร่ง

กลยุทธ์ : ยังเน้นลงทุนหุ้น Domestic และคาดกำไร 1Q23 แข็งแกร่ง//ทยอยสะสมหุ้นเพิ่มในช่วงปรับฐาน

หุ้นเด่นเดือน เม.ย. : AOT, BA, BGRIM, CPN, MAKRO

หุ้นเด่นวันนี้ : ICHI

  • แนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 14 บาท
  • คาดกำไรสุทธิ 1Q23 ที่ 211 ลบ. +9% q-q, +103% y-y ทำจุดสูงสุดในรอบ 7 ปี จากรายได้ที่คาดทํา New High ในรอบ 8 ปี นับตั้งแต่ 2Q15 จากทั่งกลุ่มชาเขียวและ Tansansu และ Margin ดียังทรงตัวสูง
  • แนวโน้มกำไรจะดีต่อเนื่องใน 2Q23 เพราะเป็น High Season และจะรับรู้ลูกค้า OEM เต็มไตรมาส เราเริ่มเห็น Upside ต่อประมาณการกำไรปี 2023 ของเรา จากปัจจุบันคาดไว้ที่ 731 ลบ. +14% y-y
  • แนวรับ 12.60//12.20-12 บาท แนวต้าน 13//13.50-13.60 บาท

Fund Flow : เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนผสมผสานและโดยรวมทรงตัว เม็ดเงินไหลเข้าเกาหลีใต้ แต่ไหลออกจากไต้หวันใกล้เคียงกันประเทศละ US$91-93 ล้าน ส่วนอาเซียนไหลเข้าไทยแต่ไหลออกจากเวียดนามบางๆ แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่าผสมผสาน โดยรอจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญอย่าง GDP 1Q23 ของทั้งสหรัฐฯ และยูโรโซน รวมถึงเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯในสัปดาห์นี้

ประเด็นสำคัญวันนี้

(0) สัปดาห์นี้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ และยูโรโซน โดยทั้งสองจะประกาศตัวเลข GDP 1Q23 ในคืนวันพฤหัสฯ ซึ่งตลาดยังคาดเติบโต q-q ได้ อย่างไรก็ตาม หากออกมาต่ำกว่าคาดจะยิ่งตอกย้ำความกังวลเรื่อง Recession ที่อาจเกิดขึ้นใน 2H23 ส่วนคืนวันศุกร์สหรัฐฯ จะรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ PCE เดือน มี.ค. ซึ่งจะมีผลต่อ คาดการณ์ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของ FED เช่นกัน หากออกมาสูงกว่าคาดจะเป็นปัจจัยกดดันสินทรัพย์เสี่ยงต่อเนื่อง

(+) กำไร 1Q23 กลุ่มธนาคารดีกว่าคาด โดย 7 ธนาคารที่เรารวบรวมมีกำไร 5 หมื่น ลบ. +51% q-q, +13% y-y ดีกว่าที่ตลาดคาด 7% ธนาคารที่มีกำไรดีกว่าคาดได้แก่ BBL KTB TTB KKP ส่วน KBANK SCB TISCO กำไรออกมาใกล้เคียงคาด รายได้ดอกเบี้ย 1Q23 ของทุกธนาคารเติบโตได้แข็งแรง y-y ทั้งจากสินเชื่อที่โตและดอกเบี้ยที่ปรับขึ้น ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมโดยรวมทรงถือชะลอตามภาวะตลาดทุนที่ซบเซาลง ด้านการตั้งสำรองโดยรวมไม่ได้น่ากังวล มีเพียงบางธนาคารที่เร่งตัวขึ้นและยังต้องจับตา เช่น KBANK ส่วน NPL ค่อนไปในทางทรงตัวถึงลงเล็กน้อย เรามองค่อนไปในทางบวกต่อกำไรที่ออกมา และสะท้อนถึงเศรษฐกิจไทยที่ทยอยฟื้นตัว Top Pick ยังเป็น BBL KTB

(-) SPALI คาดกำไรปกติ 1Q23 ที่ 1 พันลบ. -53% q-q, -14% y-y จากแนวโน้มยอดโอนที่หดตัวแรง q-q จากฐานสูงใน 4Q22 ขณะที่ Gross Margin คาดหดตัวลงต่ำสุดในรอบ 10 ไตรมาส จากสัดส่วนการโอน Low Rise ที่สูงขึ้น การจัดโปรโมชั่นโครงการในภูเก็ต และยอดโอนในออกเตรเลียที่เพิ่มขึ้นซึ่งมี Margin ต่ำกว่าไทย เราคาดว่ากำไรจะฟื้นตัว q-q ใน 2Q23 เป็นต้นไป จากการเปิดโครงการใหม่ที่เพิ่มขึ้น และเริ่มโอนคอนโดใหม่ 2 แห่ง ยังคาดกำไรปี 2023 ที่ 7.2 พันลบ. –12% y-y โดยมี Backlog รองรับแล้ว 65% ของประมาณการยอดโอน คงราคาเป้าหมาย 27 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(0) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 22.34 จุด หรือ +0.07% ปิดที่ 33,808.96 จุด ขณะที่นักลงทุนรอติดตามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก ได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน เช่น เอสเอพี (SAP) และเอสซีลอร์ ลูซอตติกา (Essilor Luxottica)

(0) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดผสม หลังจากนักลงทุนย่อยข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ออกมาในช่วงอาทิตย์ที่แล้ว

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 34.43 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 50 เซนต์ หรือ 0.65% ปิดที่ 77.87 ดอลลาร์/บาร์เรล จากตัวเลข PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 53.5 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือน จากระดับ 52.3 ในเดือนมี.ค. ในขณะที่เช้านี้ปรับตัวลงที่ระดับ 77.40 ดอลลาร์/บาร์เรล -0.60%

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 28.60 ดอลลาร์ หรือ  1.42% ปิดที่ 1,990.50 ดอลลาร์/ออนซ์ จากความกังวลว่า FED อาจจะยังดำเนินนโยบายแบบเข้มงวดต่อไปเพื่อคุมเงินเฟ้อ ในขณะที่เช้านี้รีบาวน์ที่ระดับ 1,994.30 ดอลลาร์/ออนซ์ +0.19%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 923.68 / -2.89

- Advertisement -