บล.ฟิลลิป:
KBANK: กำไรลด y-y แต่โตเด่น q-q
ซื้อ TP’66: 165.00
ถึงแม้กำไรจะลดลง y-y แต่ก็เพิ่มขึ้นมาก q-q สินเชื่ออาจจะหดตัวลง แต่คุณภาพสินทรัพย์ปรับตัวดีขึ้น และได้มีการตั้งสำรองกับลูกค้ารายใหญ่ที่มีปัญหาไปแล้ว และถึงแม้ว่าการตั้งสำรองทั้งปีจะสูงกว่าที่เคยให้แนวทางไว้ แต่ผลตอบแทนสินเชื่อจะเพิ่มขึ้นมากกว่า ทางฝ่ายปรับประมาณการกำไรขึ้น และปรับราคาพื้นฐานขึ้นเป็น 165 บาท แนะนำ “ซื้อ”
งบรวม | 1Q66 | 4Q65 | 1Q65 | % y-y | % q-q |
กําไร | 10,741 | 3,191 | 11,211 | -4.2 | 236.6 |
EPS | 4.53 | 1.35 | 4.73 | -4.2 | 236.6 |
หมายเหตุ: กำไร = ล้านบาท, EPS = บาท
- กำไร 1Q66 ลดลง y-y แต่เพิ่ม q-q: KBANK รายงานกำไร 1Q66 10.7 พันลบ. ลดลง 4.2% y-y จากการตั้งสำรอง และค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้น ถึงแม้ว่ารายได้ดอกเบี้ยและรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นก็ตาม แต่ กำไรเพิ่มขึ้นถึง 236.6% q-q จากการตั้งสำรองที่ลดลงมากถึง 1 หมื่นลบ. และมีรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นด้วย
- สินเชื่อหดตัว แต่ NPL ก็ลดลงด้วย: สินเชื่อในไตรมาสนี้ของ KBANK หดตัวลง 1.2% q-q จากการหดตัวลง ของสินเชื่อ SME และสินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล และเกิดจากการปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์ของ KBANK ซึ่งมี NPL บางส่วนถูกขายให้กับ JKAMC ซึ่งทำให้ NPL ลดลงเหลือ 3% จาก 3.2% ในไตรมาส ก่อน
- ปรับประมาณการกำไร และราคาพื้นฐานขึ้น: KBANK ได้มีการตั้งสำรองลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ที่มีปัญหาไปแล้วใน 1Q66 ซึ่งทางฝ่ายคาดว่าจะเป็น STARK ทำให้ไม่น่ามีผลกระทบกับผลประกอบการในไตรมาสต่อไป อย่างไรก็ตาม การตั้งสำรองทั้งปีอาจจะเพิ่มสูงขึ้นจากแนวทางเดิมที่ทาง KBANK เคยให้ไว้ที่ 175- 200 bps และไม่เกิน 210 bps หากมีเรื่องไม่คาดคิดเพิ่มเติม ทางฝ่ายได้ปรับประมาณการการตั้งสำรองขึ้น และได้ปรับเพิ่มผลตอบแทนสินเชื่อขึ้นด้วย ทำให้ประมารการกำไรปี 66 เพิ่มขึ้นเป็น 39 พันลบ. เพิ่มขึ้น 8.8% y-y