PLT ปิดจองซื้อหุ้น IPO ขายหมดเกลี้ยง 280 ล้านหุ้น มั่นใจนักลงทุนให้การตอบรับดี คาดลงสนามเทรด mai วันที่ 27 เมษายนนี้ เดินหน้าลงทุนตามแผนขยายธุรกิจ ตอกย้ำความเชื่อมั่นจากนักลงทุน ด้านเซจแคปปิตอล ที่ปรึกษาการเงิน และเคจีไอ ลีดอันเดอร์ไรเตอร์ มั่นใจเป็นหุ้นพื้นฐานดี-หลังระดมทุนธุรกิจมีศักยภาพเติบโตระยะยาว
นางสาวรัชนี ชาติบัญชาชัย รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เซจแคปปิตอล จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท พีลาทัส มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PLT ผู้นำธุรกิจให้บริการขนส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ทางเรือและทางรถ เปิดเผย ว่า PLT ได้ยื่นขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 280 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 29.17 % ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 27 เมษายน 2566 ในหมวดสินค้าบริการ ใช้ชื่อหลักทรัพย์ ว่า “PLT” โดยมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากในการโรดโชว์ผ่านระบบออนไลน์ที่ผ่านมา มีกระแสตอบรับที่ดี มีการสอบถามข้อมูลรายละเอียดการดำเนินธุรกิจ แนวโน้มการเติบโต ตลอดจนฐานะทางการเงินจากนักลงทุน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสนใจในตัวธุรกิจได้เป็นอย่างดี ในฐานะที่ PLT เป็นบริษัทชั้นนำในการให้บริการขนส่งก๊าซ LPG ทางเรือและทางรถ ที่มีทีมผู้บริหารมากประสบการณ์ มีจำนวนกองเรือขนส่ง LPG ถึง 19 ลำ มากที่สุดในประเทศไทย ทำให้ลูกค้าซึ่งเป็นผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 รายใหญ่ของประเทศไว้วางใจในการเลือกใช้บริการขนส่งของบริษัทต่อเนื่องยาวนานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน และสนับสนุนให้ PLT สามารถขยายกำลังการให้บริการขนส่งก๊าซ LPG ทางเรือและทางรถทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างแข็งแกร่งในอนาคต
ด้าน นางสาวพัชพร สรรคบุรานุรักษ์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า หุ้น PLT ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก โดยมีนักลงทุนให้ความสนใจเข้าจองซื้อหุ้นเป็นจำนวนมาก นับเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อธุรกิจของบริษัท ตลอดจนมองเห็นถึงศักยภาพการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต เนื่องจากบริษัทเป็นผู้ให้บริการขนส่งก๊าซ LPG ทางเรือ ที่มีจำนวนเรือมากที่สุดในประเทศ และมีลูกค้าซึ่งเป็นผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 รายใหญ่ของไทย ทำให้รายได้ในช่วงปี 2562-2565 สัดส่วนกว่า 70% มาจากสัญญาระยะยาวที่มีร่วมกับลูกค้าหลัก ที่มีอัตราค่าขนส่งไม่ผันผวนตามดัชนีค่าระวางเรือเหมือนเช่นบริษัทเดินเรือทั่วไป และมีคู่แข่งในอุตสาหกรรมน้อยราย
การเข้าระดมทุนในครั้งนี้ จะทำให้บริษัทได้รับเงินลงทุนเพียงพอที่จะใช้สำหรับขยายธุรกิจได้ตามวัตถุประสงค์ อีกทั้งยังจะส่งผลให้ชื่อเสียงของ PLT เป็นที่รู้จักและเป็นที่ยอมรับในระดับประเทศและระดับสากลมากขึ้น นับเป็นการสร้างการเติบโตได้ตามกลยุทธ์ที่กำหนด เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในการให้บริการขนส่งก๊าซ LPG ทางเรือและทางรถของประเทศ
ขณะที่ นายวราวิช ฉิมตะวัน กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีลาทัส มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PLT กล่าวว่า ขอขอบคุณนักลงทุนที่ให้การตอบรับจองซื้อหุ้น IPO ของบริษัทอย่างล้นหลามเกินความคาดหมาย โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนประมาณ 433 ล้านบาท (หลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง) จะนำไปใช้ในลงทุนเพิ่มกำลังการผลิต โดยลงทุนซื้อเรือบรรทุกก๊าซ LPG และก๊าซเคมีเหลว จำนวน 250 – 300 ล้านบาท ลงทุนขยายกองรถบรรทุกก๊าซ LPG จำนวน 65 ล้านบาท ติดตั้งระบบ ERP ภายในองค์กร จำนวน 15 ล้านบาท ปรับปรุงลานจอดรถบรรทุกก๊าซ LPG และก่อสร้างโรงซ่อมบำรุงรถบรรทุกก๊าซ LPG จำนวน 12 ล้านบาท ส่วนเงินที่เหลือบริษัทจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบธุรกิจ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการลงทุน หรือการร่วมทุนในหุ้นหรือสินทรัพย์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
สำหรับ กลยุทธ์การเติบโตหลังการลงทุน IPO จะมุ่งเน้นการให้บริการขนส่งเพื่อความพึงพอใจของลูกค้า การเพิ่มช่องทางการให้บริการเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการให้บริการขนส่งทางเรือไปยังต่างประเทศมากขึ้น การบำรุงรักษาเรือและรถบรรทุกให้พร้อมต่อการบริการ รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งและการขยายประเภทสินค้า เช่น การขนส่งก๊าซเคมีเหลวประเภทผลิตภัณฑ์สายโอเลฟินส์ เพื่อเพิ่มบริการขนส่งกลุ่มปิโตรเคมีในอนาคต 8 นับเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้ PLT เติบโตแข็งแกร่งและยั่งยืนอย่างมีนัยสำคัญ
“การเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ครั้งนี้ นับเป็นก้าวที่สำคัญในการขยายธุรกิจ PLT ให้แข็งแกร่ง และสร้าง Brand Awareness บริษัท ให้เป็นที่รู้จักในอุตสาหกรรมการให้บริการขนส่งก๊าซ LPG ทางเรือในประเทศกลุ่ม CLMV มากยิ่งขึ้น นับเป็นการต่อยอดธุรกิจให้สามารถคว้าโอกาสใหม่ ๆ รองรับการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยเชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนในการเข้าซื้อขายในตลาด mai วันแรก” นายวราวิช กล่าว