บล.บัวหลวง:
Supalai (SPALI TB/SPALI.BK)
SPALI – ไตรมาส 1 จะเป็นไตรมาสที่ต่ำที่สุดของบริษัท
การเยี่ยมชมโครงการของ SPALI ชะลอตัวลง 7-8% YoY เนื่องจากมาตรการ LTV และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น บริษัทคาดว่าไตรมาส 1/66 จะเป็นไตรมาสที่อ่อนแอที่สุดของปี 2566 ประมาณการกำไรหลักของเราอยู่ที่ 943 ล้านบาท ลดลง 20% YoY และ 54% QoQ
มุมมองของผู้บริหารต่ออุตสาหกรรม คาดชะลอตัวในไตรมาส 1/66
อุปสงค์ต่ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยเพิ่มขึ้นในไตรมาส 4/65 ก่อนที่ ธปท. จะยกเลิกมาตรการ LTV แต่หลังจากการยกเลิกมาตรการ LTV ในวันที่ 1 ม.ค. 2566 การเยี่ยมชมโครงการ SPALI ลดลง 7-8% YoY ในไตรมาส 1/66 แต่ลดลงน้อยกว่ามาตรการ LTV ครั้งล่าสุดที่ปรับขึ้นในปี 2562 (ลดลง 20-30% YoY) นอกจากผลกระทบของ LTV ที่สูงขึ้นแล้ว อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านก็สูงขึ้น YoY ผู้บริหารคาดว่ายอดจองซื้อโครงการแนวราบจะทรงตัว YoY ในปีนี้ (เราคาดว่าจะลดลง YoY) แต่ยอดจองซื้อโครงการคอนโดน่าจะเพิ่มขึ้นจากฐานที่ต่ำในปี 2565
ยอดจองซื้อที่แข็งแกร่งในไตรมาส 1/66 หนุนโดยการฟื้นตัวจากภูเก็ต
ยอดจองซื้อในไตรมาส 1/66 ของ SPALI อยู่ที่ 9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% YoY และ 22% QoQ หนุนโดยโครงการ ศุภาลัย โอเรียนทัล สุขุมวิท 39 (1,054 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1 หมื่นล้านบาท จองแล้ว 69%) และศุภาลัย ริวา แกรนด์ 39 (720 ยูนิต มูลค่าโครงการ 6.8 พันล้านบาท จองแล้ว 88%) บริษัทมียอดจองโครงการแนวราบในต่างจังหวัดเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เพิ่มขึ้น 17% YoY หนุนโดยการฟื้นตัวจากภูเก็ต ผู้บริหารกล่าวว่า ยอดจองซื้อที่ภูเก็ตหนุนจากการกลับมาของผู้ซื้อจากต่างประเทศ SPALI ยังขาย เพนต์เฮาส์ 2 ยูนิตในโครงการไอคอนสาทร (1,054 ยูนิต, มูลค่าโครงการ 1 หมื่นล้านบาท) มูลค่า 200-300 ล้านบาท ซึ่งจะถูกบันทึกในไตรมาส 2/66
ภาพโตรมาส 1/66 คาดเป็นไตรมาสที่รายงานกำไรต่ำที่สุดของปี
ปัจจุบันเราคาด SPALI จะรายงานกำไรหลักในไตรมาส 1/66 ที่ 943 ล้านบาท ลดลง 20% YoY และ 54% QoQ (คาดการณ์ก่อนหน้านี้ของเราคาดกําไรเติบโต YoY และลดลง QoQ) กําไรหลักในไตรมาส 1/66 คิดเป็น 12% ของประมาณการทั้งปีของเราและตลาด คาดการณ์กำไรหลักลดลง YoY และ QoQ เนื่องจากรายได้จากโครงการที่อยู่อาศัย และอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายที่อยู่อาศัยอ่อนตัวลง และไม่มีโครงการคอนโดใหม่ที่สร้างเสร็จในช่วงไตรมาส 1/66 เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 35.0% ลดลง 430bps YoY และ 260bps QoQ เนื่องจากยอดขายโครงการคอนโดที่ลดลง (โครงการแนวราบ 70% และโครงการคอนโด 30%) และค่าเฉลี่ยอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงจากโครงการแนวราบ เนื่องจากต้นทุนค่าวัสดุก่อสร้างที่สูงขึ้นในไตรมาส 2-3/65 นอกจากนี้เราคาดอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายจะเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจากรายได้ที่ลดลง
กําไรจะเพิ่มขึ้นในไตรมาส 2/66 ต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 4/66
หลังจากเริ่มต้นอย่างช้าๆ ในไตรมาส 1/66 (ไตรมาสที่เปิดตัวโครงการต่ำสุดของปี 2566) SPALI มีแผนเปิดตัวโครงการอย่างมากในไตรมาส 2/65 โดยมีมูลค่า 8.8 พันล้านบาท (โครงการแนวราบ 7 โครงการ และโครงการคอนโด 1 โครงการ) ลดลง 9% YoY แต่เพิ่มขึ้น 94% QoQ ดังนั้นเราคาดยอดจองซื้อและกำไรจะเพิ่มขึ้นในไตรมาส 2/66 ต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 4/66 SPALI จะเริ่มโอนโครงการ ศุภาลัย ลอฟท์ สาทร ราชพฤกษ์ (มูลค่าโครงการ 1.5 พันล้านบาท, ขายไปแล้ว 100%) ในไตรมาส 2/66 และ ศุภาลัย พรีเมียร์ สี่พระยา-สามย่าน (มูลค่าโครงการ 2.3 พันล้านบาท, ขายไปแล้ว 100%) ในไตรมาส 3/66 ซึ่งจะหนุนรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นตลอดทั้งปีนี้