KS Daily View 25.04.2023 >>> จับตาทิศทางเศรษฐกิจโลก ติดตามผลการเลือกตั้ง/ งบ 1Q23 SET คาดวันนี้แกว่งตัวในกรอบ 1,540 – 1,585 จุด หุ้นแนะนำวันนี้ PTTEP, TRUE

สรุปภาวะตลาดเมื่อวันวานนี้

ต่างประเทศ: ดัชนี DJIA +0.2%, S&P 500 +0.09%, และ NASDAQ -0.29% โดยSector ที่ outperform ใน S&P500 ได้แก่ Energy (+1.54%), Materials (+0.69%), และ Utilities (+0.50%) ส่วนSector ที่ underperform ได้แก่ IT (-0.42%), Real Estate (-0.31%), and Financial (-0.20%)

ในประเทศ: SET Index ปรับตัวลดลง -0.49 จุด หรือ -0.03% ปิดที่ 1,557.87 จุด หุ้นที่ปรับขึ้นได้แก่ JMT (+3.2%), SPRC (+1.9%), OSP (+1.8%), และ DELTA (+1.8%) เป็นต้น ส่วนหุ้นที่ปรับลงแรง ได้แก่ NEX (-5.3%), SPALI (-4.9%), BYD (-3.1%), และ CBG (-3.0%) เป็นต้น

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

เราประเมินตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้แกว่งตัวในกรอบ 1,540 – 1,585 จุด  ภาพรวมยังถูกกดดันจากปัจจัยต่างประเทศ ได้แก่ ความเสี่ยง Recession และโอกาสการผิดนัดชำระหนี้เพิ่มขึ้นจากภาวะเครดิตที่ตึงตัวสะท้อนผ่านการตั้งสำรองของธนาคารพาณิชย์สูงขึ้น ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในเดือน เม.ย. มีโอกาสเด้งขึ้นหลังราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้เฟดยังต้องขึ้นดอกเบี้ยต่ออีก 25bps. ในรอบการประชุม 2-3 พ.ค. และคงดอกเบี้ยที่ระดับ 5-5.25% จนถึงปลายปีก่อนลดดอกเบี้ยลง 25-50bps. ขณะที่ความไม่แน่นอนในผลการเลือกตั้งของไทยยังเป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนเลือกตัดสินใจชะลอตัวการลงทุนออกไปก่อน สำหรับสัปดาห์นี้ ติดตามการรายงานกำไร 1Q23 ของ HMPRO, DELTA, BH, ITC, SCGP และ SCC

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1.) Equity risk premium (ERP) ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงต่ำสุดนับแต่ก่อนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2008 โดยล่าสุดอยู่ที่ 2.5% ทำให้ความน่าสนใจของการลงทุนในหุ้นลดลง นักลงทุนชะลอการลงทุน เพื่อรอเลือกทางว่าพัฒนาการของตลาดจะเป็น Soft landing (ดอกเบี้ยลง ERP ขึ้น หุ้นขึ้น), Recession (ดอกเบี้ยลง หุ้นลง ERP ขึ้น) หรือ Stagflation (ดอกเบี้ยขึ้นหรือไม่ลง ERP ลง หุ้นลง)

2.) สหภาพยุโรปและญี่ปุ่นได้คัดค้านข้อเสนอของสหรัฐฯ ที่ให้กลุ่มประเทศ G7 ห้ามการส่งออกทั้งหมดไปยังรัสเซีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาก่อนการประชุม G7 ในวันที่ 19 – 21 พ.ค. นี้

3.) เงินฝากที่ First Republic ลดลง 7.2 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาสแรก หรือลดลง 40% แม้ว่าจะได้เงินฝากเพิ่มจากธนาคารใหญ่ๆในสหรัฐฯ 30,000 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลง 20%

4.) ติดตามการรายงานผลประกอบการของบริษัทสำคัญๆในสหรัฐฯ ได้แก่  UPS, 3M, Verizon, JetBlue, General Motors McDonald’s, PepsiCo, Alphabet และ Microsoft จะประกาศงบในวันอังคาร ขณะที่UBS จะเป็นการเปิดเผยผลประกอบการครั้งแรกนับตั้งแต่เข้าซื้อกิจการ CS

5.) ธปท. เลื่อนเปิดให้ยื่นขอไลเซนส์ Virtual Bank เป็นปลายปี 2566 โดยคงจำนวนใบอนุญาตที่ 3 ใบเท่าเดิม

6.) หุ้นที่นักวิเคราะห์ของทาง KS มีการปรับคำแนะนำ/ราคาเป้าหมายวันนี้ ได้แก่ PTTGC, IRPC, OSP, PLANB, SABINA

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

1.) หุ้นที่มีปัจจัยบวกหนุนหรือทิศทางผลประกอบเติบโต (Quality Growth) ได้แก่

1.1) AMATA ราคาพื้นฐาน 26.50 บาท คาดกำไรปกติปี 2023 เติบโต 11% YoY เป็น 1.65 พันลบ. ขณะที่ AMATA ตั้งเป้ายอดขายที่ดินปีนี้โต 50% YoY เป็น 2,250 ไร่หนุนจากการย้ายฐาน และความเชื่อมั่นภาคเอกชนฟื้นตัวหลังเลือกตั้งกลางปี

1.2) BE8 ราคาพื้นฐาน 69.08 บาท คาดกำไรปี 2566 ท่ี 302 ลบ. เติบโต 118% YoY หนุนโดยธุรกิจหลักเติบโตดีต่อ การรวมบัญชีทั้งปีของ X-10 และ Baycom ราคาหุ้นปัจจุบันปรับตัวลง -25% YTD มาเทรดที่ P/E ปี 2023 ที่ 37x vs. EPS growth ปี2023-24 ที่ 118% YoY/39% YoY ตามลำดับ

2.) กลุ่ม Defensive ที่จะช่วยลดความผันผวน/ความเสี่ยงของพอร์ทการลงทุนรวม แนะนำ

2.1) BH ราคาพื้นฐาน 237 บาท เก็งงบ 1Q23 ที่คาดว่าจะรายงานกำไรปกติที่ 1.53 พันลบ. โต 114% YoY มาจากรายได้และอัตรากำไรที่สูงขึ้นทำให้มีโอกาสที่หุ้นจะถูก rerate ไปเทรดระหว่างค่าเฉลี่ย P/E 31.7x กับ +1 S.D. ที่ 41.4x vs. EPS คาดการณ์ปีนี้ที่7.50 บาท

2.2) KTB ราคาพื้นฐาน 20.40 บาท กำไร 1Q23 โต 15% YoY และทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 1 หมื่นลบ. vs. คาดการณ์ทั้งปีของเราที่ 3.6 หมื่นลบ. ขณะที่ ROE ปรับตัวขึ้นมาที่ระดับ 10% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่8.5% แต่ PBV ยังเทรดที่ 0.6x ต่ำกว่าคาดเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 0.65x TRUE (ราคาพื้นฐาน 10.32 บาท) ได้ประโยชน์จากความต้องการสื่อสารที่เพิ่มขึ้นในช่วงเลือกตั้ง ขณะที่ปัจจัยหนุนราคาหุ้นจะมาจากการแข่งขันด้านราคาผ่อนคลายลงและ การพลิกฟื้นของกำไรอย่างรวดเร็วจาก synergies การควบรวม

3.) กลุ่ม พลังงาน แนะนำ PTTEP ราคาพื้นฐาน 172 บาท เพื่อ hedge กับทิศทางราคาน้ำมันดิบที่คาดว่าจะปรับตัวขึ้นทดสอบระดับ U$90/bbl

4.) กลุ่ม Turnaround play แนะนำ SCGP ราคาพื้นฐาน 49 บาท แม้กำไรปกติ 1Q23 จะอ่อนแอที่ 1.08 พันลบ. ลดลง37.2% YoY แต่เพิ่มขึ้น 72.4%QoQ และคาดว่าจะเร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง QoQ ในช่วงที่เหลือของปีตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick

  • PTTEP (ราคาพื้นฐาน 172 บาท) ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ฟื้นตัว 1.3% DoD เป็น US$82.73/bbl วานนี้บนอุปสงค์การเดินทางที่ฟื้นตัวแข็งแกร่งของจีน ขณะที่อุปทานยังตึงตัวจากการลดกำลังการผลิตของ OPEC+ และท่อส่งน้ำมันอิรักที่ยังไม่กลับมาดำเนินการ
  • TRUE (ราคาพื้นฐาน 10.32 บาท) คาดรายงานกำไรปกติใน 1Q23 ที่ 219 ล้านบาท แม้ยังไม่มีแรงหนุนจาก synergies การควบรวม โดยกำไรปกติ 1Q23 คาดว่าลดลง 83.2% YoY จากแคมเปญการตลาดหลังการควบรวมกิจการ โดยปัจจัยที่จะหนุนราคาหุ้นปรับขึ้นต่อได้แก่ โอกาสที่การแข่งขันด้านราคาผ่อนคลายลงและ การพลิกฟื้นของกำไรอย่างรวดเร็วจาก synergies นอกจากนี้ประเมินว่ากลุ่ม ICT จะได้ประโยชน์จากความต้องการสื่อสารที่เพิ่มขึ้นในช่วงเลือกตั้งด้วย

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันอังคาร ติดตาม ดัชนีราคาบ้าน S&P/Case-Shiller Home Price เดือน ก.พ. ของสหรัฐฯ คาด -0.6% MoM และ+1.3% YoY ยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐฯ เดือน มี.ค. คาด +1.1% MoM เป็น 0.635M ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ เดือน เม.ย. คาด 104.2 จุด (ทรงตัว MoM)
  • วันพุธ ติดตาม ตัวเลขส่งออก และนำเข้าของไทยเดือน มี.ค. คาด -15.2% YoY และ -4.7% YoY ตามลำดับ ขณะที่คาดว่าดุลการค้าของไทยจะขาดดุล US$1bn ตัวเลข GfK Consumer Confidence ของเยอรมันเดือน พ.ค. คาด -28 จุด (ดีขึ้นจาก -29.5 จุด) ตัวเลข Durable Goods Orders ของสหรัฐฯ เดือน มี.ค. คาด +0.9% MoM (ดีขึ้นจาก -1% MoM ในเดือน ก.พ.) และปริมาณสำรองน้ำมันดิบของสหรัฐฯ รายสัปดาห์
  • วันพฤหัสฯ ติดตาม ตัวเลข GDP 1Q23 ของสหรัฐฯ คาด +2% QoQ ตัวเลข Initial Jobless Claim ของสหรัฐฯ เดือน เม.ย. คาด +249K (เทียบสัปดาห์ก่อนที่ +245K) ตัวเลข Pending Home Sales เดือน มี.ค. คาด +1% MoM
  • วันศุกร์ ติดตาม การประชุม BOJ ตัวเลข GDP 1Q23 ของยุโรป คาด +0.2% QoQ และ +1.3% YoY ตัวเลขเงินเฟ้อของเยอรมันเดือน เม.ย.คาด +7.2% YoY (เทียบเดือนก่อนหน้าที่ +7.4% YoY) ตัวเลข Core PCE Price Index ของสหรัฐฯ เดือน มี.ค. คาด +0.4% MoM ตัวเลข Personal Income ของสหรัฐฯ เดือน มี.ค. คาด +0.2% MoM และตัวเลข Personal Spending ของสหรัฐฯ เดือน มี.ค. คาด -0.1% MoM
- Advertisement -